เมื่อวันที่ 13 เม.ย. นายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ในวันที่ 3 ของช่วง 7 วันอันตราย กรมคุมประพฤติเริ่มมาตรการใช้กำไลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EM (Electronic Monitoring) ติดข้อเท้าผู้กระทำผิดในคดีเมาแล้วขับในสำนักงานนำร่อง ได้แก่ สำนักงานคุมประพฤติกรุงเทพมหานคร 2 จำนวน 9 ราย
โดยห้ามออกนอกบ้านตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. และมีคดีที่เข้าสู่กระบวนการคุมประพฤติจากสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ จำนวน 2,178 คดี แบ่งเป็นขับรถขณะเมาสุรา 2,169 คดี และขับเสพ 9 คดี
นายประสาร กล่าวต่อว่า ยอดสะสม 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 11-13 เม.ย.2561 มีคดีทั้งหมด 2,733 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 2,169 คดี คิดเป็นร้อยละ 94.1, ขับรถประมาท 16 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.58, แข่งรถหรือขับซิ่ง 2 คดี หรือร้อยละ 0.07, ขับเสพ 143 คดี คิดเป็นร้อยละ 5.23
ส่วนจังหวัดที่มีสถิติสะสมสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ สำนักงานคุมประพฤติจ.มหาสารคาม 158 คดี สำนักงานคุมประพฤติจ.สุรินทร์ 149 คดี สำนักงานคุมประพฤติจ.เลย 95 คดี สำนักงานคุมประพฤติจ.หนองคาย 92 คดี และสำนักงานคุมประพฤติจ.บุรีรัมย์ 84 คดี
“กรมคุมประพฤติ โดยสำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ได้ดำเนินการกับผู้ถูกคุมความประพฤติในคดีเมาแล้วขับ โดยเฉพาะช่วง 7 วันอันตราย ทำงานบริการสังคมตามมาตรการเข้ม ประกอบด้วย ช่วยเจ้าพนักงานตำรวจที่จุดตรวจค้น จุดบริการประชาชน ด่านชุมชน อาสาจราจร จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ จุดตรวจเล่นน้ำสงกรานต์ และกิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุ ตลอดจนทำความสะอาดบริเวณจุดตรวจค้น เพื่อสร้างจิตสำนึกของผู้กระทำผิดเพื่อให้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อตนเอง ผู้อื่น และสังคม” อธิบดีฯระบุ
ที่มา ข่าวสดออนไลน์