เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมกล้วยของคุณถึงดำเร็วนัก? หรือทำไมผักใบเขียวที่แช่ในตู้เย็นถึงเหี่ยวเร็วจัง?
หลายคนคงเป็นเหมือนกันคือต้องโยนอาหารลงถังขยะก่อนที่เราจะมีโอกาสได้กิน เพราะมันมีสภาพไม่ดีแล้ว โดยจากข้อมูลของหน่วยงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ ระบุว่า ครอบครัวชาวอเมริกันทิ้งอาการเสียไปเฉลี่ยคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,600 ดอลลาร์สหรัฐ/ปี
เราลองมาดูเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้อาหารของคุณอยู่ได้นานขึ้นกัน!
1.ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ – วิธีง่ายๆ ในเก็บคือให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำแล้วล้างเบอร์รี่ก่อนนำเข้าตู้เย็น โดยให้ใช้น้ำส้มสายชู 1 ส่วน ต่อน้ำ 10 ส่วน วิธีนี้จะช่วยฆ่าสปอร์ราที่อาจติดมากับเบอร์รี่ โดยหากใช้วิธีนี้จะช่วยให้ราสเบอร์รี่อยู่ได้นานกว่า 1 สัปดาห์ และสตรอว์เบอร์รี่อยู่ได้นานกว่า 2 สัปดาห์เลยทีเดียว
2.เพื่อคงความสดใหม่ให้กล้วย ให้ใช้พลาสติกหุ้มบริเวณขั้วของกล้วย เนื่องจากบริเวณขั้วซึ่งตัดมาจากลำต้นจะผลิตแก๊สเอทีลีน ซึ่งทำให้ผลไม้สุกเร็วขึ้น การแบ่งกล้วยออกมาแล้วหุ้มพลาสติกบริเวณขั้วจะช่วยให้กล้วยสดใหม่ได้นานขึ้น
3.ขนมปังเป็นสิ่งที่คุณไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเด็ดขาด เพราะอากาศในตู้เย็นนั้นแห้งกว่าก้อนขนมปัง วิธีการที่ดีคือควรจะเก็บไว้ในถุงกระดาษแล้ววางไว้ในบริเวณที่แห้งๆ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการเก็บขนมปังไว้ในถุงพลาสติก เพราะจะทำให้ขนมปังเก่าและราขึ้นเร็ว แต่ถ้าหากคุณต้องการเก็บขนมปังไว้นานสักพักหนึ่ง วิธีที่ดีที่สุดคือเก็บไว้ในช่องฟรีซ แล้วเอาออกมาปิ้งเมื่อคุณจะกินมัน
4.สำหรับพวกพืชที่มีคุณสมบัติเป็นสมุนไพร ให้นำมาแช่น้ำในเหยือก แล้วใช้ถุงพลาสติกครอบไว้ด้านบนเพื่อคงความชุ่มชื้น จากนั้นก็นำเข้าตู้เย็น ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้กับหน่อไม้ฝรั่งด้วย
5.ผักกาดหอม – วิธีการเก็บคือให้นำกระดาษอเนกประสงค์ (paper towel) ห่อผักกาดหอมแล้วเก็บไว้ในถุงพลาสติก ซึ่งกระดาษดังกล่าวจะช่วยดูดซับความชื้นส่วนเกิน และปิดไม่ให้อากาศเข้า จากนั้นก็นำเข้าตู้เย็น เพื่อคงความเขียว
6.เก็บอโวคาโดไว้ที่อุณหภูมิห้องจนกระทั่งสุกและนิ่ม จากนั้นนำอโวคาโดเข้าถุงพลาติกและเก็บไว้ในตู้เย็น 3-5 วัน ซึ่งการเก็บอโวคาโดไว้ในถุงพลาสติกเป็นการป้องกันการเกิดการออกซิไดส์ ซึ่งจะทำให้เปลือกเปลี่ยนสีน้ำตาล เป็นต้น
7.สำหรับมะเขือเทศให้เก็บไว้ในถุงหรือกล่องแล้วเก็บไว้ที่เย็นๆ แต่ไม่ใช่ในตู้เย็น จนกระทั่งมะเขือเทศสุก จากนั้นก็นำออกมาวางไว้ในที่ปกติ อย่างไรก็ตาม มะเขือเทศที่สุกเกินไปสามารถวางไว้ในตู้เย็นได้ แต่ก็ไม่ใช่จุดที่จะทำให้มันมีรสชาติอร่อยที่สุด เพราะความเย็นจะช่วยชะลอการสุก แต่จะทำลายผนังเซลล์ของมะเขือเทศ
8.ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะนาว และผลไม้จำพวกแตง ให้วางไว้นอกตู้เย็นเสมอ
9.ห้ามหั่นผลไม้, ผัก หรือเเนื้อสัตว์จนกว่าคุณพร้อมที่จะใช้มัน เพราะการหั่นแล้วทำให้อากาศสัมผัสกับอาหารมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้อาหารจะแห้งและไม่ดีเร็วขึ้น การหั่นผักยังทำให้สูญเสียคุณค่าทางอาหารบางอย่างและสารออกฤธิ์ทางชีวภาพบาชนิดออกไปด้วย
10.พวกหัวหอม, กระเทียม และหอมแดง จะอยู่ได้นานขึ้นหากเก็บไว้ในที่เย็น, แห้ง และมืด ส่วนหัวหอมใหญ่จะเก็บไว้ได้นานขึ้นไปอีกด้วยการเก็บไว้ในถุงน่องแล้วแขวนไว้ ซึ่งจะทำให้มีอากาศหมุนเวียน คงความสดใหม่ได้นานราว 6 เดือนเลยทีเดียว
11.การเก็บมันฝรั่งไว้คู่กับแอปเปิลจะทำให้มันฝรั่งรากงอกได้ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการเก็บมันฝรั่งไว้ใกล้กับหัวหอมใหญ่ เพราะทั้งคู่จะปล่อยความชื้นและแก๊สออกมา ซึ่งทำให้พวกมันเสียเร็วขึ้น ขณะเดียวกันยังควรเก็บมันฝรั่งไว้นอกตู้เย็น เพราะการเก็บไว้ในตู้เย็นจะเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล และจะเปลี่ยนรสชาติอาหารไป
12.เรื่องเล็กๆ อีกเรื่องที่หลายคนยังไม่รู้คือ ไม่ควรแช่นมไว้ที่ประตูตู้เย็น เพราะอุณหภูมิบริเวณนี้ขึ้นๆ ลงๆ เป็นสาเหตุให้นมเสียเร็วขึ้น ดังนั้นควรเก็บนมไว้กลางตู้เย็นจะดีที่สุด
13.น้ำผึ้งเป็นความหวานจากธรรมชาติที่แสนเพอร์เฟ็กต์ ดังนั้นการเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องจะเป็นวิธีเก็บที่ดีที่สุด และไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็น เพราะจะทำให้ตกผลึกได้
14.พวกเนื้อสัตว์ควรเก็บไว้ช่องด้านล่างช่องฟรีซในตู้เย็น และไม่ควรแช่ร่วมกับอาหารอื่นๆ โดยควรห่อถุงพลาสติกสองชั้นเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
15.รักษาความสะอาดของตู้เย็นอยู่เสมอเพื่อป้องกันการเติบโตของเชื้อราและจุลินทรีย์อื่นๆ โดยควรทำความสะอาดตู้เย็นแบบหมดจดทุกๆ 3-4 เดือน และไม่ควรแช่ของในตู้เย็นจนแน่นเอี้ยดเกินไป เพราะในตู้เย็นควรจะมีอากาศไหลเวียนเพื่อคงความเย็นให้สิ่งของต่างๆ ในตู้เย็น
16.การป้องกันน้ำตาลทรายแดงไม่ให้เป็นก้อน ให้ใส่มาร์ชแมลโลว์ชื้นๆ หรือชิ้นขนมปังบางๆ ไว้ในถุงหรือกล่องใส่น้ำตาลด้วย
17.ควรเก็บผงพริกต่างๆ ไว้ในตู้เย็นเพื่อคงความสดและคงสีสัน การเก็บไว้ในที่ที่เจอแสงและพบกับความร้อนจะทำให้ผงพริกสูญเสียสีสันและรสชาติ
ถือเป็นเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้กับครัวของคุณได้!
Content Team Matichon Academy
ติดต่อ อีเมล์ : [email protected]
โทรศัพท์ 0-2954-3971 ต่อ 2111