“WDC” ยกทัพสินค้ามากมายทั้งกระเบื้อง และอุปกรณ์ห้องน้ำแบบครบวงจร ร่วมมหกรรม “สถาปนิก’61” พร้อมชูจุดเด่นด้วยแนวคิดการสร้างแบรนด์ด้วยความแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ และพัฒนานวัตกรรมตอบโจทย์ลูกค้า
นายบัณฑิต หิรัญญนิธิวัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวสเทิร์น เดคอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ WDC เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เตรียมที่จะออกบูธแสดงสินค้าในมหกรรมงานสถาปนิก’61 งานที่เปรียบเสมือนการย่อโลกแห่งดีไซน์ นวัตกรรม วัสดุแต่งบ้านมาไว้ในที่เดียว โดยในปีนี้บริษัทฯได้ยกทัพสินค้ามากมายที่มีความโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ โดยเฉพาะลวดลายกระเบื้องที่แตกต่างอย่างเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นกระเบื้องแผ่นใหญ่ในซีรีส์ “เมกะ” (Mega) ขนาด 1.2 x 2.4 เมตร และ 1.6 x 3.2 เมตร เพื่อลดรอยต่อของกระเบื้องให้น้อยที่สุด พร้อมบริการติดตั้งจากช่างผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงสินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้า Developer เช่นอุปกรณ์ห้องน้ำแบบครบวงจร ทั้งกระเบื้องจาก WDC และสุขภัณฑ์ ก็อกน้ำ อ่างล้างหน้า ฝักบัว และสายฉีดชำระนำเข้าจากเยอรมนี ภายใต้แบรนด์ “บราแวต” (Bravat) ที่ WDC เป็นผู้จัดจำหน่ายรายเดียวของประเทศไทย เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกใช้ในหลากหลายระดับราคาภายใต้งบประมาณที่ลงตัว และที่สำคัญจะมีการแนะนำนวัตกรรมแห่งดีไซน์ของกระเบื้องในซีรีส์ “บิลท์” (BUILT) ซึ่งถือเป็นรายแรก และรายเดียวของไทยที่สามารถนำนวัตกรรมแห่งดีไซน์มาพัฒนาออกแบบภายใต้เทคโนโลยีการผลิตล่าสุดจากอิตาลี ทำให้ได้พื้นผิวกระเบื้องที่มีผิวสัมผัสเสมือนหินจริง โดยมีหลุมและร่อยรอยขรุขระอย่างหินธรรมชาติ ทำให้ลดต้นทุนของการแต่งบ้านลงเกือบครึ่งหนึ่ง
ในขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทฯคาดว่าทิศทางของ Trend กระเบื้องจะก้าวไปอย่างต่อเนื่อง โดยกระเบื้องขนาดโอเวอร์ไซส์ เป็นที่จับตามองเป็นพิเศษ พร้อมลวดลายหินอ่อน หรูหรา ทันสมัย จึงเป็นที่นิยมของดีไซน์เนอร์ยุคใหม่ที่ต้องการตกแต่งผลงานให้ยูนีคในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งบริษัทฯได้พัฒนาสินค้าใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ภายใต้แนวคิด “Beyond Innovation is Innovative Design” หรือ “เหนือกว่านวัตกรรม คือดีไซน์แห่งนวัตกรรมที่เราดีไซน์ให้เป็นนวัตกรรม” ด้วยความกล้าที่จะแตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์
ในขณะที่ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างของไทย และอาเซียน บริษัทฯคาดว่าจะสามารถเติบโตตามความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยภาพรวม ที่มีแผนการเปิดตัวออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องในอีก 5-10 ปีข้างหน้า ส่วนการทำตลาดทั้งในไทย และอาเซียนเอง จะเน้นการทำตลาดผ่านการสร้างแบรนด์ เพื่อให้แบรนด์เป็นที่จดจำ ทำให้ลูกค้าเจาะจงเลือกใช้ โดยมีกลยุทธ์ในการสร้างความต่าง หรือ Differentiation Strategy มากกว่าการสร้างความแตกต่างเพื่อครองส่วนแบ่งตลาดให้มากที่สุดเพียงอย่างเดียว
“เราหวังว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราจะรับรู้ และเข้าใจถึงสินค้า และแบรนด์ของเราให้ได้มากที่สุด ในทุกรายละเอียดของดีไซน์ อยากให้ทุกคนมีโอกาสเลือกชม เลือกดูสินค้า นวัตกรรมใหม่ๆ ที่เราเองตั้งใจนำเสนอในงานเป็นโซลูชั่นพิเศษสำหรับสถาปนิก และนักออกแบบที่เราคิดขึ้นมาโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Developer) กลุ่มนักออกแบบ ดีไซน์เนอร์ หรือ ผู้รับเหมา โดยเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประสบการณ์กว่า 15 ปี ในฐานะผู้นำตลาดวัสดุตกแต่งบ้านที่มีดีไซน์เฉพาะตัว จะช่วยให้ลูกค้าทุกท่าน ได้สัมผัสประสบการณ์บ้านสวยเหนือระดับในแบบเฉพาะอย่างเป็นเอกลักษณ์” นายบัณฑิตกล่าว