ถึงละครบุพเพสันนิวาสจะอำลาจอ แต่เรื่องราวทางประวัติศาสตร์จากละครเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่หลายคนยังให้ความสนใจ โดยเฉพาะเรื่องราวในยุคสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่ยังมีสิ่งให้ชวนค้นหาอีกมาก
หนึ่งในนั้นคือคำถามที่ว่า “ทำไมสมเด็จพระนารายณ์ถึงไม่ประทับอยู่ที่อยุธยา แต่ประทับอยู่ที่ละโว้แทน” เพราะจากละครจะเห็นได้ว่าพระองค์ประทับอยู่ละโว้ ออกว่าราชการที่ละโว้ รวมไปถึงเสด็จสวรรคตที่ละโว้ด้วย
การมาประทับอยู่ที่ละโว้ของพระองค์นั้นไม่ได้เพียงชั่วครู่ชั่วคราว แต่ประทับอยู่ถึงปีละ 8 เดือน ในฤดูหนาวและฤดูร้อน มีสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัดสันเปาโล สถานที่มีหอดูดาวของคณะบาทหลวงเยซูอิต, พระที่นั่งไกรสรสีหราช หรือพระตำหนักเย็น พระตำหนักที่พระองค์ไว้ใช้เปลี่ยนพระอิริยาบถ และทอดพระเนตรจันทรุปราคาร่วมกับคณะบาทหลวงฝรั่งเศสและขุนนางไทย เป็นต้น จนได้ชื่อว่าละโว้นั้นเป็นราชธานีแห่งที่ 2 ในสมัยอยุธยาเลยก็ว่าได้
คำตอบของคำถามนี้ “รศ.ดร.ปรีดี พิศภูมิวิถี” นักวิชาการประวัติศาสตร์ เล่าให้ฟังระหว่างเป็นวิทยากรในทัวร์ย้อนเวลาพาออเจ้าไปขุนหลวงนารายณ์ที่ละโว้ จ.ลพบุรี กับ “มมติชนอคาเดมี” ว่า รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์เริ่มต้นที่ปี พ.ศ.2199 ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่พระเจ้าปราสาททอง ซึ่งเป็นพระราชบิดา สวรรคต พระเจ้าปราสาททองมีพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระอัครมเหสีหลักคือเจ้าฟ้าชัย เพราะฉะนั้นราชบัลลังก์ของพระเจ้าปราสาททองจึงตกไปอยู่ที่เจ้าฟ้าชัย
แต่พระเจ้าปราสาททองยังมีพระอนุชา คือ พระศรีสุทธรรมราชา ส่วนสมเด็จพระนายรายณ์นั้นเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าปราสาททอง แต่มิได้เกิดแต่พระอัครมเหสี เท่ากับว่ายังมีคนที่มีสิทธิที่จะได้ราชบัลลังก์อีกหลายคน ดังนั้น เมื่อพระเจ้าอยู่หัวปราสาททองสวรรคต บัลลังก์ตกตามสิทธิโดยชอบธรรมไปอยู่ที่เจ้าฟ้าชัย แต่พระศรีสุทธรรมราชาและพระนารายณ์ไม่ปรารถนาให้ราชบัลลังก์ไปตกอยู่ที่เจ้าฟ้าชัย จึงร่วมกันปฏิวัติ ขณะที่เจ้าฟ้าชัยขึ้นครองราชย์เพียง 7 วันเท่านั้น จากนั้นยกพระศรีสุทธรรมราชาขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์
หลังจากนั้นอีก 3 เดือน สมเด็จพระนารายณ์ก็ปฏิวัติซ้ำ เท่ากับว่าในปี พ.ศ.2199 เกิดการปฏิวัติ 2 ครั้ง เพราะฉะนั้นเมื่อปฏิวัติแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับสมเด็จพระนารายณ์ คือ การกำจัดขุนนางที่รับราชการมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองที่อยุธยาไปมาก ขุนนางผู้ใหญ่ทั้งหลายทั้งปวงถูกกำจัดไปเกลี้ยง แล้วใช้ขุนนางรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขุนนางไทย ขุนนางแขก ที่เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งหลาย ก็ใช้ขุนนางพวกนี้ เนื่องจากพระองค์ไม่ไว้ใจขุนนางดั้งเดิม แต่ไม่ได้แปลว่าปี พ.ศ.2199 สร้างลพบุรี แต่ท่านทิ้งเวลา 10 ปีแล้วถึงเริ่มมาสร้างเมืองนี้
ลพบุรีมาเกิดเมื่อปี พ.ศ.2209 แต่คำว่าสร้างลพบุรี ไม่ได้แปลว่าสร้างทุกอย่างในเมืองลพบุรี เพราะหลายอย่างในลพบุรีมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว ป้อมปราการอาจสร้างขึ้นมาใหม่ แต่พระราชวังมีอยู่แล้ว รวมไปถึงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระปรางค์สามยอดก็มีมาอยู่ก่อนแล้ว เพราะลพบุรีเป็นเมืองลูกหลวงที่พระเจ้าแผ่นดินอยุธยาเคยประทับมาก่อนสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เช่น สมเด็จพระราเมศวร ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น เพราะฉะนั้นโดยสรุปคือ
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ เมืองลพบุรีนี้มีอยู่แล้ว พระองค์เพียงแค่มาเสริมสร้างให้มั่นคงขึ้น และด้วยความที่มีปัญหาทางการเมืองในต้นรัชกาล พระองค์จึงพยายามหาเมืองสำรองขึ้นมาอีกหนึ่งเมือง
บางคนอาจสงสัยว่า ทำไม 10 ปีแรกของการครองราชบัลลังก์ของสมเด็จพระนารายณ์ถึงมีปัญหา สาเหตุเป็นเพราะเกิดกบฏขึ้นมาอยู่หลายครั้งที่มาท้าทายอำนาจของพระองค์ โดยกบฏที่สำคัญคือ กบฏของพระไตรภูวนาทิตยวงศ์ หรือว่าพระองค์ทอง ซึ่งเป็นพระอนุชาต่างพระชนนีของสมเด็จพระนารายณ์ ได้ทรงรวบรวมกองกำลังพลเพื่อก่อการกบฏหลังจากสมเด็จพระนาราย์ขึ้นครองราชย์เพียง 2 เดือน แต่ยังไม่ทันได้ลงมือก็ถูกสอบสวนและจับได้ก่อน โดยพบว่ามีขุนนางชั้นผู้ใหญ่จำนวนมากเข้าร่วมด้วย พระองค์จึงโปรดให้สำเร็จโทษพระไตรภูวนาทิตยวงศ์และขุนนางเหล่านั้นทันที
เพราะฉะนั้น 10 ปีแรก มีกบฏภายใน มีสงครามที่พระนารายณ์ต้องไปทำกับเชียงใหม่ มีเรื่องต่างๆ นานามากมาย แต่ยังไม่มีเรื่องการต่างประเทศ เพราะฉะนั้น 10 ปีแรกจึงเป็น 10 ปีที่พระองค์สร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่พระองค์เอง โดยการหาเมืองใดเมืองหนึ่งในบริเวณอยุธยาให้เป็นที่ประทับแห่งที่ 2 โดยที่พระองค์เองก็ไม่ได้คิดว่าจะเอาที่ประทับนี้ไว้เพื่อจุดประสงค์ใดเป็นหลักแน่ๆ แต่ขอให้มีอยู่อีกสักที่หนึ่ง ถ้ามีอะไรฉุกเฉินที่อยุธยา ต้องมาลพบุรี
การเดินทางจากอยุธยามาละโว้ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์นั้นจะเดินทางโดยขบวนเรือ ล่องมาทางแม่น้ำลพบุรี ซึ่งจะใช้เวลาราว 1 วันครึ่ง แต่จะมาทางม้าแบบพี่หมื่นและแม่การะเกดในละครนั้นก็ได้เช่นกัน แต่คงจะไม่เร็วแบบนั้นแน่นอน เพราะคนคงจะเมื่อยเสียก่อน
สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจะเสด็จมาขึ้นที่ท่าน้ำที่ปัจจุบันเรียกว่าท่าพระนารายณ์ เมื่อขบวนเรือทั้งหมดมาถึง จะส่งพระนารายณ์ท่านี้ ส่วนขุนนางทั้งหมดจะไปขึ้นที่ท่าถัดไป ซึ่งเรียกว่าท่าขุนนาง แต่ปัจจุบันเรียกพื้นที่ในแถบนั้นทั้งหมดว่าท่าขุนนาง
เมื่อขึ้นจากเรือ พระองค์จะประทับบนเสลี่ยงแล้วเข้าไปในบริเวณวัง ซึ่งจะผ่านทางเดินขึ้นที่เป็นเนินซึ่งปัจจุบันทำเป็นบันได เรียกว่าบันได 51 ขั้น และกลายเป็น unseen ลพบุรีไปโดยปริยาย
คำถามคือทำไมไม่ไปสุพรรณบุรี คำตอบก็คือเป็นเพราะว่าไปไม่ได้ เนื่องจากแม่น้ำท่าจีนที่ผ่านสุพรรณบุรีนั้นไม่ได้เชื่อมกับอยุธยา ขณะที่แม่น้ำลพบุรีเชื่อมโยงไปถึงอยุธยาได้ บางคนอาจสงสัยว่าทำไมไม่ไปพิษณุโลก นั่นก็เพราะว่าพิษณุโลกไกลมาก และยังมีอำนาจเก่าดั้งเดิมของเมืองสองแควอยู่ เช่นเดียวกับกำแพงเพชรและสุโขทัย เพราะฉะนั้นความปลอดภัยคือต้องมาเมืองที่ใกล้อยุธยาที่สุด คือ ลพบุรี
และที่ไม่ไปกรุงเทพฯ และธนบุรี เพราะสองเมืองนี้ยังไม่มีความเป็นเมือง ธนบุรีในสมัยนั้น หลังรัชกาลพระมหาจักรพรรดิ์ยังเป็นเพียงตลาดอยู่เท่านั้น คือเป็นเพียงคอมมูนิตี้เล็กๆ ที่กระจายอยู่ ไม่ใช่เมืองที่มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ไม่ใช่เมืองที่มีป้อมปราการแล้ว ไม่ใช่เมืองที่มีพระมหาธาตุปักอยู่เป็นหลักของเมืองแล้ว ซึ่งการจะเลือกเมืองใดเมืองหนึ่งนั้น ท่านจะเลือกต้องเป็นเมืองที่มีสิ่งต่างๆ เหล่านี้
ส่วนสิงห์บุรีก็เป็นเมืองที่ไม่มั่นคงแบบลพบุรี ถ้าจะเปรียบเทียบระหว่างสิงห์บุรีกับลพบุรี ท่านต้องเลือกลพบุรีอยู่แล้ว เพราะแม่น้ำที่จะใช้เดินทางไปสิงห์บุรี หรือ แม่น้ำน้อย เป็นแม่น้ำสายเล็ก และคดเคี้ยวมาก เพราะฉะนั้นถ้าเกิดอะไรฉุกเฉินขึ้นมา จะลำบากเข้าไปอีก ทำให้ท่านเลือกลพบุรีนั่นเอง ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกันกับจอมพล ป. พิบูลสงคราม ตอนที่จะย้ายเมืองหลวงไปเพชรบูรณ์ ซึ่งตอนนั้นจะเลือกขึ้นมาอีกสองเมือง คือ สระบุรี และลพบุรี ให้ลพบุรีเป็นเมืองทหาร จึงเกิดค่ายหารขึ้นมากมาย และให้สระบุรีเป็นเมืองศาสนา