นึกไม่ถึงว่าคอร์สอบรมอาหาร 3 เมนูตั้งตัวของ “จกโต๊ะเดียว” พ่อครัวกระทะทองคำแห่งพลับพลาไชย ที่เปิดสอนเมื่อไม่นาน เพราะต้องการให้คนนำไปทำเป็นอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว หรือเปิดเป็นร้านขายด้วยเมนูง่ายๆ นั้น หลังเสร็จสิ้นการเรียนการสอนแล้ว ทำให้รู้จัก “นงลักษณ์ เฉิน” ที่เรียกตัวเองว่า “FC มติชนอคาเดมี” เพราะเธอบอกว่าติดตามเรียนการทำอาหารกับมติชนอคาเดมีมานานกว่า 15 ปี
“นงลักษณ์” แนะนำตัวเองพร้อมยกมือไหว้กล่าวขอบคุณ “มติชนอคาเดมี” ที่ทำให้เธอมีวันนี้ สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเธอกล่าวว่า “..มติชนนี่กราบจริงๆ ค่ะ จากที่เป็นคนทำอาหารไม่เป็นมาก่อนเลย พอมาเรียนแล้วปรากฏว่ากลายเป็นคนทำอาหารเป็น ทำอาหารขายได้ ทำให้มีรายได้ มีอาชีพ มีเงินขึ้นมาได้ก็เพราะมติชนจริงๆ เริ่มต้นมาเรียนเมื่อสิบห้าปีที่แล้วสมัยยังเป็นตึกเก่าอาจารย์ที่สอนตอนนั้นคงเกษียณไปหลายคนแล้วค่ะ มีคอร์สทำน้ำพริก ทำแหนม เรียนแล้วไปฝึกทำจนสามารถทำขายได้ กระทั่งแต่งงานมีครอบครัวจึงย้ายตามสามีไปอยู่ที่ไต้หวัน เนื่องจากสามีเป็นคนไต้หวัน ไปเปิดร้านขายอาหารตามสั่งเป็นอาหารไทย ชื่อ “ร้านโอเล่” ขายดีค่ะ เมนูในร้านเป็นเมนูที่เรียนไปจากมติชนแทบทั้งนั้น”
นงลักษณ์เล่าอีกว่า ถึงแม้ไปอยู่ไต้หวันก็ยังติดตามข่าวสาร การอบรมคอร์สต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์และเพจของมติชนอคาเดมี โดยเฉพาะเฟซบุ๊คกดถูกใจแทบทุกคอร์ส สำหรับตัวเธอเองนั้น ได้นำคอร์สที่เรียนไปใช้ทุกเมนู
“อย่างที่บอกว่าร้านเราเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง เมนูไหนที่คนเบื่อแล้วก็จะเปลี่ยนใหม่ไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ดูตามคอร์สของมติชนอคาเดมีเป็นหลัก เมนูที่ขายดีมากจากที่เรียนแล้วเอาไปทำขาย มีตั้งแต่ก๋วยเตี๋ยวเรือ ของอาจารย์โอฬาร ข้าวมันไก่ของอาจารย์ตระการ ทรงสายสกุล เยี่ยมมาก ข้าวหมูแดงหมูกรอบของอาจารย์อดุลย์โรจน์ และแหนม น้ำพริกต่างๆ ของอาจารย์ขนิษฐา คอร์สน้ำพริกนี่เรียนมานานมากแล้ว เดี๋ยวนี้ก็ยังได้ทำขายอยู่ ที่เรียนมาทุกตัวมีประโยชน์ทำขายได้หมด”
สำหรับการเดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้ นงลักษณ์บอกว่ามาเพื่อเรียนคอร์สของ “เฮียจก” โดยบินมาจากไต้หวันเลยทีเดียว เธอบอกว่าเท่าที่นั่งฟังมาทั้งหมด เฮียจกคงไม่มีสูตรตายตัวแต่เป็นเรื่องของประสบการณ์ ใช้ประสบการณ์แบบครูพักลักจำในการทำอาหาร ซึ่งต้องนับถือว่าเก่งมาก
“การอบรมครั้งนี้คงต้องไปปรับแต่งสูตรให้เป็นของเราเองด้วย ส่วนสูตรของเฮียจกก็ดูเป็นไกด์ไลน์ แต่ก็ถูกใจทั้งสามเมนู ถูกใจมากเป็นข้าวผัดขี้เมา อันนี้ทำขายได้เลย ส่วนข้าวต้มกระดูกหมูก็ดี แต่คงต้องไปปรับน้ำซุปให้เข้มข้นกว่านี้อีก ที่แน่ๆ ขายได้ เพราะเข้าหน้าหนาวแล้ว เป็นเมนูที่ต้องทำขาย”
นงลักษณ์กล่าวปิดท้ายว่า การทำร้านอาหารเป็นการทำงานที่ต้องเอาใจใส่พอสมควร นอกจากมีรสมือในการปรุงแล้ว โดยเฉพาะการเลือกเมนูมาไว้บริการลูกค้า จะต้องเปลี่ยนอยู่เสมอ ไม่ซ้ำซากจำเจ เพื่อไม่ให้ลูกค้าเบื่อ ลูกค้าจึงติดใจมาอุดหนุนอยู่เป็นประจำ อย่างที่ร้านของเธอเองที่ไต้หวันรายได้แต่ละวันไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท