เป็นคนข่าวอีกคน ที่เริ่มทำอาชีพเสริม หารายได้เสริมเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว สำหรับ หมี-จักรี ผดุงขันธ์ ที่อยู่ในแวดวงข่าวมากว่า 20 ปี
หมี-จักรี บอกว่า เริ่มต้นอาชีพเสริม เพราะต้องการหาเงินสดไว้ใช้จ่ายรายวันเพิ่มเติม เลยหันมาขายของ เริ่มจากทำการตลาดขายน้ำมันเมล็ดลำไยสกัด (เฟลวานอยด์) และน้ำมันเหลืองไพล ภายใต้แบรนด์ “บารมี” โดยรู้จักกับคุณลุง “ปกรณ์ สุเมธานุรักขกุล” อดีตอาจารย์คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม ประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ด้านสาธารณสุขและประเมินผลกระทบทางสุขภาพ (HIA) เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปรสิตวิทยาและกีฏวิทยาทางการแพทย์ การระบาดวิทยา โดยคุณลุงปกรณ์ เป็นคนเริ่มต้นทำน้ำมันเมล็ดลำไยสกัด ตราบารมี ขายอยู่ที่ตึกนวด ม.มหิดล เราทดลองซื้อมาใช้แล้วรู้สึกว่าดี สามารถแก้ปวดเมื่อยและอาการอักเสบตามข้อได้ จึงติดต่อกับคุณลุงปกรณ์และเริ่มทำตลาดออนไลน์ โดยมี คุณอ้อม ณภัทร ผดุงขันธ์ ภรรยาผม เป็นกำลังหลักดูแลการตลาด
“เราทำตลาด ทำให้คนรู้จักแบรนด์บารมี เป็นช่วงจังหวะที่การขายสินค้าออนไลน์กำลังบูม จึงมาทำตลาดโซเชียลทางเฟซบุ๊ก เปิดเพจน้ำมันเมล็ดลำไยบารมี ลูกค้าเริ่มรู้จัก รวมถึงบอกปากต่อปากมาเรื่อยๆ กระทั่งมาได้ลงคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐกับหนังสือพิมพ์มติชน จึงทำให้มีคนรู้จักกว้างขึ้น มีคนติดต่อเข้ามามากขึ้น ตลาดขายของสุขภาพมีคนสนใจดี ทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด มีสายส่ง ขายประจำ มีคนรับไปขาย เป็นตัวแทนจำหน่ายต่อจากเราอีกที โดยคนที่สนใจไม่ต้องสมัครเป็นสมาชิก ติดต่อเข้ามาขอซื้อได้เลย ขวดเดียวเราก็ส่งให้”
จากน้ำมันเมล็ดลำไยบารมี ที่อยู่ในกลุ่มคนรักสุขภาพ เรามาจับอาชีพเสริมอีกตัวที่เรามองว่าจะทำให้ได้เงินรายวัน จึงมาคิดถึงอาชีพขายหมูปิ้ง เพราะส่วนตัวแล้วอาหารมื้อเช้าจะชอบกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง ปาท่องโก๋ กาแฟ เรามองว่าอาชีพขายอาหาร คนจำเป็นต้องกินอาหารทุกวัน
ในบางวันที่เข้าเวรสาย ตื่นสาย ร้านหมูปิ้งหลายร้านปิดแล้ว จึงตระเวนหาร้านหมูปิ้งกินไปเรื่อยๆ จนไปเจอเพื่อนสมัยเรียนมาด้วยกัน เปิดร้านขายอาหารตามสั่งและหมักหมูขายในแบรนด์ใบตองหมูปิ้ง เป็นหมูปิ้งสูตรโบราณเนื้อนุ่ม ไม่ใส่นมสด แต่ใส่กะทิ มีกลิ่นผักชี กระเทียม พริกไทย เป็นสูตรที่เราเคยกินสมัยเด็กๆ เราชอบ จึงไปรับเขามาปิ้งขายข้างร้านเซเว่น อีเลฟเว่น หน้าหมู่บ้านKC ซอยรามคำแหง 142 ขายไม้ละ 10 บาท ได้กำไรไม้ละ 3 บาท ส่วนข้าวเหนียวแม่ช่วยหุง ข้าวเหนียวต้องร่วนแต่เหนียวเกาะกันเป็นเม็ดและนุ่ม กระบวนการหุงต้องแช่น้ำให้พอดี
“ขายไปขายมาลูกค้าติด เราพิถีพิถันในขั้นตอนการย่าง ต้องย่างให้นุ่ม ไม่แข็ง ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักเรียน ตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยม กลุ่มคนทำงาน กลุ่มพนักงานออฟฟิศ กลุ่มแม่บ้าน ฯลฯ เมื่อลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนเราจึงขายราคาไม่สูงมาก เพราะเด็กนักเรียนได้ค่าขนมเฉลี่ยวันละ100บาท ซื้ออาหารเช้าข้าวเหนียวหมูปิ้ง1ชุด30บาท และต้องซื้อเครื่องดื่มอีก ยังไม่รวมอาหารมื้อกลางวันที่โรงเรียน เราจึงไม่ได้คิดจะเอาแต่กำไร แต่คิดว่าเขาอยู่ได้ เราก็อยู่ได้
“ปัจจุบันขายหมูปิ้งได้วันละ 150-200 ไม้ ช่วงเวลา 05.00-19.00 น. มีรายได้เป็นค่ากับข้าววันละ 400-500 บาท จึงยึดเป็นอาชีพเสริมก่อนไปทำงาน เหนื่อยช่วงเวลาแค่2-3ชั่วโมง ความจริงก็เหมือนเตรียมตัวก่อนไปเข้าเวรทำข่าว พอได้เวลาก็ไปเข้าเวร เพราะเวลางานเราไม่แน่นอน มีเวรเช้า บ่าย ดึก สลับกันไปในแต่ละสัปดาห์” หมี-จักรีเล่า
ถามว่า มีข่าวว่าเศรษฐกิจปีนี้จะแย่กว่าปีก่อน มองว่าอาชีพเสริมมีความจำเป็นไหม
เขาว่ากันว่าปีที่แล้วเผาหลอก ปีนี้เผาจริง เราสังเกตจากน้ำมันเมล็ดลำไยสกัดบารมี คนที่เคยซื้อ ก็เบากำลังซื้อลง เราจึงมานั่งคิดต่อว่าจะทำยังไง จึงหันมาขายสินค้าที่คนจำเป็นต้องกินต้องใช้ จึงมามองของกิน เศรษฐกิจไม่ดียังไงถ้าหิวคนก็ต้องกิน และอาชีพขายหมูปิ้ง ซื้อขายง่าย กินง่าย ขั้นตอนดำเนินการน้อย ได้กำไรค่อนข้างดี
“นอกจากนี้ผมมองว่าอาชีพเสริม เราทำไว้ตอนที่เรามีแรงทำได้ เพื่อให้ลูกหลานดูว่าเราดิ้นรนทำมาหากินยังไง เวลา24ชม.เราทำได้หลายอย่าง น่าจะลองทำดู” หมี-จักรี กล่าวทิ้งท้าย