“พระอวโลกิเตศวร” กับนิยามความรักสไตล์ตะวันออก

Content พาเพลิน

เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อันเป็นวันแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ตามที่เราเชื่อกันมา สำหรับนิยามคำว่า “ความรัก” นั้น แต่ละท่านคงมีมุมที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับผู้เขียนแล้วคงไม่มีความรักใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการรักโดยไม่มีข้อแม้ รักด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยมีความเมตตากรุณาเป็นที่ตั้งอย่างแน่นอน

นอกจากจะเป็นวันแห่งความรักของใครหลายท่านแล้ว กรมศิลปากรยังได้จัดการเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “วิชชาแห่งบูรพา พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” ในวันดังกล่าว ณ ห้องประชุมใหญ่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ

“พระอวโลกิเตศวร” หรือ “พระโพธิสัตว์ปัทมปาณิ” เป็นพระโพธิสัตว์องค์สำคัญของพุทธศาสนามหายานที่มีผู้เคารพศรัทธามากที่สุด พระองค์เป็นตัวแทนของกรุณาบารมีและเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือสัตว์โลกให้พ้นทุกข์และเข้าถึงพระโพธิญาณ ความเสียสละที่ทรงมีต่อสรรพสัตว์ทั้งปวงในจักรวาล นับเป็นการแสดงความรักของพระองค์ที่มีต่อสรรพชีวิตทั้งหลาย จนกล่าวได้ว่าพระองค์คือ “ที่สุดแห่งกรุณาบารมี”

บรรยากาศงานเสวนา “วิชชาแห่งบูรพา พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร” ณ ห้องประชุมใหญ่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 (ที่มาภาพ : https://www.facebook.com/FineArtsDept/)

การัณฑหสูตรได้อธิบายถึงเจตนารมย์ของพระโพธิสัตว์องค์นี้ไว้ว่า

“ตราบใดก็ตาม ที่มวลสัตว์โลกยังมิได้พ้นทุกข์ และ บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ ตราบนั้น ปณิธานแห่งองค์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรยังไม่ได้ถึงซึ่งความสมบูรณ์”

นอกจากนี้ในความเชื่อของฝ่ายมหายาน ยังเชื่อว่าพระองค์คือผู้ที่จะมาช่วยนำมวลสัตว์โลกทั้งหลายให้พ้นทุกข์ ซึ่งต่างกับความเชื่อของฝ่ายเถรวาทที่เชื่อว่าตัวเฉพาะบุคคลเองเท่านั้นที่จะพาตนข้ามพ้นจากสงสารวัฏ

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศิลปะศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ 14 พบที่วัดเวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมี ศิลปะเขมรในประเทศไทย พุทธศตวรรษที่ 18 พบที่ปราสาทเมืองสิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร พุทธศตวรรษที่ 12-13 พบที่วัดศาลาทึง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 8 กร ศิลปะศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ 14 จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

ดร.นันทนา ชุติวงศ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโบราณคดี กรมศิลปากร อธิบายถึงคุณลักษณะของพระโพธิสัตว์องค์นี้ไว้ว่า

“ความกรุณาอันล้นเหลือต่อโลกซึ่งทำให้พระองค์ปฏิเสธการเข้านิพพานจนกว่าสิ่งมีชีวิตทั้งจักรวาลจะหลุดพ้นทุกข์แล้ว พระโพธิสัตว์จึงเป็นที่พึ่งโดยแท้แก่โลก คุ้มครองช่วยเหลือโลกด้วยปัญญาและกรุณาบารมี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระที่โลกอ้างว้างหลังจากพระปรินิพพานของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งและวาระกำเนิดของพระพทุธเจ้าองค์ใหม่ยังไม่มาถึง โลกมนุษย์ในปัจจุบันก็อยู่ในวาระดังกล่าวนี้ พระโพธิสัตว์จึงเป็นศูนย์แห่งศรัทธา และได้รับความนับถืออย่างมากในลัทธิมหายาน”

พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ศิลปะทวารวดี พุทธศตวรรษที่ 12-13 พบที่เมืองโบราณคูบัว อ.เมืองราชบุรี จ.ราชบุรี
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร สมัยแรกที่พบในภาคใต้ของประเทศไทย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-13

ด้าน ดร.อมรา ศรีสุชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านโบราณคดี กรมศิลปากร อีกท่านหนึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่า

“ความรักของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรในโลกตะวันออกก็อาจเทียบได้กับความรักของเซนต์วาเลนไทน์ในโลกตะวันตกซึ่งก็นับเป็นความรักและการเสียสละโดยไม่มีข้อแม้เฉกเช่นเดียวกับที่พระโพธิสัตว์ทรงกระทำ และยังเป็นความรักที่ทุ่มเทด้วยความบริสุทธิใจนั่นเอง”

ถ้าอย่างงั้นแสดงว่าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ก็เปรียบเสมือนตัวแทนของเซนต์วาเลนไทน์ของโลกตะวันออก จะเป็นเช่นนั้นหรือ?

ดร.อัมรา เล่าถึงเซนต์วาเลนไทน์ว่า

“เซนต์วาเลนไทน์มีชีวิตอยู่ในยุคโรมัน ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 ท่านเป็นนักบวชในคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งร่วมสมัยกับจักรพรรดิคลอดิอุสที่ 2 (Claudius II) ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ซีซาร์กำลังมีนโยบายไม่ให้หนุ่มสาวโรมันแต่งงานกันเพราะเกรงว่าเมื่อรักกัน

ภาพวาดเซนต์วาเลนไทน์ (ที่มาภาพ : https://www.history.com/topics/valentines-day/history-of-valentines-day-2)

แล้วจะมี “ห่วง” ซึ่งทำชายชาวโรมันไม่อาจจะแสดงศักยภาพในการรบได้เต็มร้อย จึงออกกฎไม่ให้คนหนุ่มสาวแต่งงานกัน”

“เมื่อเซนต์วาเลนไทน์ได้ทราบความดังนั้น ท่านจึงอาศัยความเป็นนักบวชลักลอบทำพิธีวิวาห์ให้คนได้แต่งงานกันตามพิธีกรรมที่เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์ แม้จะผิดกฎหมายก็ตาม เมื่อทางโรมทราบเรื่องดังกล่าว ท่านจึงถูกจับขังและเตรียมโดนประหาร”

“ขณะอยู่ในคุกท่านได้เขียนจดหมายส่งให้บุตรสาวของผู้คุมความว่า “From your Valentine,” ก่อนจะถูกประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ.269 ทิ้งไว้เพียงแค่ตำนานการเสียสละในฐานะผู้ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ผู้คนได้รักกัน นี่เป็นตำนาน “วันแห่งความรัก” แบบโลกตะวันตกที่เราคุ้นเคยกันอยู่จนทุกวันนี้”

ถึงแม้มุมมองความรักของทั้งสองเรื่องนี้จะมีความแตกต่างกัน ทั้งในเชิงแนวคิดปรัชญาและจุดประสงค์ปลายทางตามหลักของศาสนาก็ตาม แต่ทั้งสองก็มีความเหมือนกันในแง่ของการมอบความรัก ความปรารถนาดี และความเสียสละให้กับส่วนรวม ซึ่งหมายถึงทุกคนและทุกสรรพชีวิต ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่ จะรักหรือเกลียด จะเล็กหรือใหญ่ ก็ตาม

แม้ว่าความรักแบบแนวคิดของโลกตะวันตกที่ยึดการเสียสละของเซนต์วาเลนไทน์ จะมีความแตกต่างกับความรักแบบแนวคิดของโลกตะวันออกของพุทธศาสนามหายาน ที่ยึดถือการละกิเลส เพื่อให้พ้นจากความทุกข์ทั้งมวลเป็นหลัก ไม่มีการให้ดอกไม้ ช็อกโกแล็ตหรือเขียนจดหมายรัก ดังเช่นปัจจุบันที่มีการรับวัฒนธรรมแบบตะวันตกก็ตาม แต่ไม่ว่าจะแนวคิดแบบใดก็ตาม “ความรักและความเสียสละ” นั้น งดงามเสมอ