ปัจจุบันการ “ทำงานอยู่ที่บ้าน” (Work from Home) ได้ถูกนำมาปรับใช้ในหลายๆ องค์กร และเพื่อเป็นตัวช่วยให้มนุษย์เงินเดือนที่นั่งทำงานอยู่บ้านไม่เจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆ เพราะไลฟ์สไตล์ที่อาจเปลี่ยนไปเป็นการนั่งทำงานยาวจนไม่แอ๊กทีฟ
เนสท์เล่ มี 5 เทคนิคง่ายๆ ตามหลักคนไทยแข็งแรงด้วย 3 อ. – อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ เพื่อช่วยให้ทุกคนทำงานอยู่ที่บ้านได้แบบแฮปปี้ แถมยังเฮลธ์ตี้ทั้งกายและใจ
1. กินดีมีชัยไปกว่าครึ่ง การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากการกินร้อน ช้อนใครช้อนมันแล้ว การเลือกบริโภคอาหารและของว่างที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอีกทางเลือกที่ดี เทคนิคง่ายๆ คือกินอาหารปรุงสุกใหม่ และกินผักผลไม้เพื่อเพิ่มวิตามินให้ร่างกายแข็งแรง และอย่าลืมเช็กว่าอาหารหรือของว่างที่เลือกมีประโยชน์หรือเปล่า อาจสังเกตจากฉลากโภชนาการบนผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุปริมาณแคลอรี น้ำตาล ไขมัน และโซเดียมไว้อย่างชัดเจน อย่างน้อยก็ไม่ทำให้น้ำหนักพุ่งพรวด หรือเจอโรคภัยที่ไม่พึงประสงค์ อย่างเบาหวานหรือความดันถามหา
2. ทำงานที่บ้านก็ (ยัง) ต้องฟิต ปกติอยู่ที่ทำงานยังมีนัดประชุม หรือมุมกาแฟให้ลุกมาเปลี่ยนอิริยาบถ ชิตแชตกับเพื่อน แต่พอต้องนั่งทำงานอยู่บ้าน หลายคนอาจทำงานเพลินจนลืมว่านั่งจ้องหน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อมาหลายชั่วโมงโดยไม่ละจากจอ จนคอ บ่า ไหล่ หลัง เริ่มออกอาการประท้วง วิธีง่ายๆ คือเตือนตัวเองให้ลุกขึ้นมาขยับตัวทุกชั่วโมง หากรู้ตัวว่าเป็นคนขี้ลืม อาจตั้งเวลาเตือนในโทรศัพท์ เพื่อกระตุ้นให้ตัวเองลุกเดินไปมา หรือถ้าเป็นสายฟิต อาจจะออกกำลังกายด้วยท่ายืดเหยียดบริเวณไหล่และต้นคอ หรือจะกายบริหารง่ายๆ แบบไม่จำเป็นต้องพึ่งอุปกรณ์มากมายอย่างน้อยก็ได้เผาผลาญแคลอรี
3. งานหนักแค่ไหนก็ยังต้องอารมณ์ดี เวลาพักเที่ยง 1 ชั่วโมง ที่เคยดูเหมือนสั้นเวลาอยู่กับเพื่อน แต่พอต้องกินข้าวคนเดียวที่บ้าน อาจจะกลายเป็นเวลาที่ยาวนานเกินไป ดังนั้น แทนที่จะปล่อยให้ตัวเองเศร้าหงอยอยู่คนเดียว คุณอาจใช้เวลานี้แชตไปคุยกับเพื่อนที่อาจจะกำลังเหงาเหมือนกัน หรืออาจจะเปิดเพลงโปรดคลอเบาๆ นอนเอนหลังซักพัก ถือเป็นการชาร์จพลังให้พร้อมกลับมาลุยงานต่อช่วงบ่าย
4. จัดตารางชีวิตให้ลงตัว ข้อดีของการทำงานออฟฟิศคือ ต่อให้ทำงานเพลินแค่ไหนพอพักเที่ยงก็ต้องเป็นเวลากินข้าว แต่พอต้องนั่งทำงานที่บ้านคนเดียวอาจจะทำให้หลายคนทำงานเพลินจนลืมเวลา ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพและสุขอนามัย ทางที่ดีควรทานอาหารเที่ยงตรงเวลาเหมือนเดิม หรือใครที่อยู่กับครอบครัวอาจกินอาหารกลางวันพร้อมหน้ากับสมาชิกในครอบครัว นอกจากนี้แล้ว ก็ยังควรเลิกงานเป็นเวลาเช่นกัน การนั่งทำงานยาวไปจนดึกดื่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ เพราะจะกลายเป็นสะสมความเครียดให้ตัวเองไม่รู้ตัว ซึ่งผลเสียที่ตามมา นอกจากจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ยังทำให้ภูมิคุ้มกันร่างกายตก และเสี่ยงต่อการป่วยได้
5. สถานการณ์ไหนก็ต้องเป๊ะ ถึงจะเปลี่ยนฟีลมาทำงานที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความเป็นมืออาชีพในการทำงานจะลดลง เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าเจ้านาย ลูกค้า หรือเพื่อนร่วมงาน จะวิดีโอคอลมาหาคุณเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น ควรเตรียมตัวให้พร้อม สร้างความสดใสให้ตัวเองด้วยการแต่งตัวให้พร้อมเสมือนว่าต้องออกจากบ้านไปทำงาน ที่สำคัญ อย่าลืมวางแผนการทำงานให้เป็นระบบ จัดลำดับความสำคัญของงานแต่ละชิ้นให้ดี เพื่อให้ผลงานที่ออกมายังมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามเดดไลน์ที่กำหนด ไม่เบียดบังเวลาส่วนตัวมาเป็นเวลางาน
ทั้งหมดนี้ คือ 5 เคล็ดลับการทำงานที่บ้านแบบเฮลธ์ตี้งานไม่เสีย กายไม่พัง
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน เผยแพร่ : วันที่ 31 มีนาคม 2563