‘บางวันได้แค่ร้อยกว่าบาท ถ้าไม่ออกก็ไม่มีเงินใช้’ เสียงจากแท็กซี่สาว อาชีพเสี่ยงสู้โควิด-19
อีกหนึ่งอาชีพน่าเห็นใจในวิกฤตเช่นนี้ คือ คนขับแท็กซี่ ที่ต้องพบเจอผู้โดยสารเป็นประจำ แต่เมื่อเกิดโรคโควิด-19 ผู้โดยสารหลีกเลี่ยงการขึ้นแท็กซี่ สถานที่ที่เคยเป็นจุดจอดรับปิดชั่วคราว ทำให้ลูกค้าหายใจอย่างน่าใจหาย
คุณแก้ว-วรรณกวี อยู่วัฒนา แท็กซี่สาววัย 37 ปี เผยกับเส้นทางเศรษฐีออนไลน์ว่า ช่วงแรกที่มีข่าวการแพร่ระบาดยอมรับว่ากังวลเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตื่นตระหนกขนาดเก็บตัวเองอยู่ที่บ้าน ด้วยอาชีพขับแท็กซี่ต้องออกไปเจอคน จึงเลี่ยงไม่ได้
“ต้องป้องกันและดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด ใส่แว่นตา หน้ากากอนามัย หมวกคลุมผม ใส่ถุงมือ พกเจลล้างมือของตัวเอง รับเงินปุ๊บเช็ดมือทันที ให้ลูกค้าใช้เจลล้างมือทุกครั้งที่ขึ้นรถ เมื่อส่งลูกค้าเสร็จจะฉีดสเปรย์ทำความสะอาดทันที เวลาขับผ่านโรงพยาบาลจะแวะให้คุณหมอวัดไข้บ้าง ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาจึงไม่เจอปัญหาอะไร” แท็กซี่สาว เผย
แม้ในช่วงที่มีข่าวว่าแท็กซี่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากผู้โดยสาร คุณแก้ว เผยว่า จากที่ป้องกันตัวเองอยู่แล้ว ต้องเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้โดยสารมากขึ้นอีกเท่าตัว หน้ากากอนามัยที่พกติดรถไว้ หากลูกค้าท่านใดขึ้นรถมาแล้วไม่ใส่หน้ากาก จะแจกให้ใส่ทันที และรักษาระยะห่างด้วยการให้ลูกค้านั่งด้านหลังเท่านั้น และลดการสัมผัสเงิน ด้วยการจ่ายคิวอาร์โค้ดแทน เพื่อความปลอดภัยของทั้งสองฝ่าย
“พวกเจลล้างมือ หรือแมสก์ และทุกอย่างที่ต้องทำเพื่อความปลอดภัย แน่นอนว่าเป็นรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ยังไงก็ต้องซื้อ เจลล้างมือเราหาซื้อเองทั้งหมด ส่วนแมสก์ มีหลายคนช่วยบริจาค หรือร้านขายยาบางร้านที่จำกัดการขาย เขาเห็นว่าเราเป็นแท็กซี่ก็จะขายให้เรา มีคนช่วยพอสมควร”
แต่เมื่อผู้ติดเชื้อในไทยเพิ่มจำนวนขึ้นแตะหลักร้อยแทบทุกวัน ทำให้รัฐมีมาตรการปิดสถานที่เสี่ยง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นจุดจอดรับผู้โดยสารของแท็กซี่ คุณแก้ว ระบุว่า ได้รับผลกระทบ 100% อย่างตอนแรกที่งดการเดินทางเข้า-ออกประเทศก็แย่แล้ว เพราะลูกค้าประจำ 70% คือลูกค้าที่ไปสนามบิน ที่เคยโทรจองล่วงหน้ายกเลิกคิวหมด ลากยาวไปจนถึงแพลนในอนาคต
“พอปิดห้างต่างๆ คนเริ่มทำงานที่บ้าน แย่มากจากแต่ก่อนเคยได้ วันละ 700-1,000 บาท เดี๋ยวนี้เหลือแค่ลูกค้าประจำเจ้าเดียว 110 บาท หมดแล้ววิ่งไปเถอะไม่มีคน บางวันไป 5 ตลาด ตลาดยิ่งเจริญ ท่าน้ำนนท์ บองมาร์เช่ ฯลฯ ไปจอดรอก็ไม่มีคนขึ้นแท็กซี่ แต่ขึ้นรถเมล์แทน เราเข้าใจได้ว่าคนประหยัดค่าใช้จ่าย และอีกอย่างคงกลัว ช่วงเช้าถ้าไม่ได้ลูกค้าประจำ ช่วงบ่ายคงไม่ได้แน่นอน ส่วนเสาร์ อาทิตย์ไม่ต้องพูดถึง ไม่ออกดีกว่า เพราะออกไปก็ไม่ได้คน เสี่ยงด้วย ส่วนวันธรรมดาต้องสู้หน่อย ออกให้ทันคนทำงาน ยังพอได้บ้าง”
แต่ในช่วงที่แย่ ยังมีช่วงดีๆ “เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ลูกค้าขาจรเรียกใช้บริการเยอะมาก รายได้มากเป็นสิบเท่าของวันเสาร์ อาทิตย์ เราออกไปรับลูกค้านัดแถวสีลม แล้วได้คนจากโรงพยาบาลมาส่งประชาชื่น ใกล้ๆ กัน มีคนโบกไป มธ.รังสิต ฝั่งตลาดไทได้คนมุสลิมไปส่งปทุมธานี ก็ได้คนโบกไปตลาดรังสิตอีก วิ่งไปพหลโยธินก็มีคนโบกอีก พอช่วงเย็นเป็นคิวของลูกค้านัด เป็นคุณยายที่ใช้บริการประจำ แต่ท่านเลือกที่จะไม่ออกนอกบ้าน เราเลยอาสาไปซื้อของให้ กลับมาก็ชำระเงินกัน คุณยายก็ให้ค่าพิเศษมา เป็นดวงของเราจริงๆ”
“ถ้าไม่มีนัดลูกค้าจะวิ่งโซนนนทบุรี แต่ช่วงนี้วิ่งในพื้นที่แคบๆ ไม่ได้แล้ว วิ่งระยะไกลจะได้เงินมากกว่า เพราะฉะนั้นใครโบกไปไหนไปหมด เพราะถ้าไม่ออก จะไม่มีเงินใช้ กำลังใจอันดับแรกก็มาจากครอบครัว ได้น้อยไม่เป็นไร ยังมีครอบครัวซัพพอร์ต สู้ไปด้วยกัน ฝั่งผู้โดยสารเองมีทิปให้ทุกคน บางคนทิปให้ค่อนข้างหนัก ด้วยเพราะเข้าใจสถานการณ์ ก่อนลงจากรถจะพูดให้กำลังใจเราเสมอ” คุณแก้ว ทิ้งท้าย
ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์