ศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยี (BIC) ภายใต้ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี (TMC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กับโครงการบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี 2562 หรือ SUCCESS 2019 ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการจำนวน 41 บริษัท เพื่อสร้างรากฐานความแข็งแรงให้องค์กรธุรกิจ ผ่านการเรียนรู้และบ่มเพาะในกระบวนการต่าง ๆ เพื่อทำธุรกิจได้ยั่งยืน พร้อมโอกาสขยายตลาด
ล่าสุดกับหนึ่งในผู้ประกอบการในโครงการ ‘แพลตฟอร์มทองหล่อ’ ที่ให้บริการตัดผมและเสริมความงามแบบครบวงจรนอกสถานที่ และเข้าถึงใจของผู้ใช้บริการให้มากยิ่งขึ้น พร้อมระบุช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ยอดใช้งานเติบโตสูงขึ้น
นางศันสนีย์ ฮวบสมบูรณ์ ผู้อำนวยการ BIC กล่าวว่า โครงการบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี เพื่อเป็นโครงการสำหรับผู้บริหารกิจการ ผู้ประกอบกิจการซอฟต์แวร์ ไอทีทุกประเภท รวมถึงผู้ประกอบการด้านนาโนเทคโนโลยี ไบโอเทคโนโลยี และเทคโนโลยีอื่น ๆ ทๆมาแล้วถึง 17 รุ่น เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเตรียมตัวเพื่อสร้างรากฐานให้องค์กรธุรกิจ ได้เรียนรู้และบ่มเพาะในกระบวนการต่าง ๆ สำหรับการทำธุรกิจ เช่น การวินิจฉัยธุรกิจ การพบที่ปรึกษาด้านธุรกิจและอื่น ๆ เทคนิคการเจรจาต่อรอง เทคนิคการขาย การสร้างภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และต้องการพันธมิตรภาครัฐและภาคธุรกิจต่าง ๆ เพื่อความร่วมมือในการส่งเสริมการทำธุรกิจ เช่น การออกงานแสดงสินค้า การเข้าประกวดในเวทีต่าง ๆ และการเชื่อมโยงแหล่งสนับสนุนเงินทุนหรือร่วมลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โครงการบ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี ปี 2562 มีสมาชิกรวม 41 บริษัท แบ่งเป็น สมาชิกใหม่ 25 บริษัท และสมาชิกรุ่นต่อเนื่อง 16 บริษัท เช่น Mombiestreet ตลาดขายของ Online แม่และเด็กมือสองแบรนด์ชั้นนำคุณภาพเยี่ยม, Petaneer นวัตกรรมทางการแพทย์สำหรับสัตว์เลี้ยง, We Chef ผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม We Chef Food Truck @PT station, Thonglor.co แพลตฟอร์มให้บริการตัดผมและเสริมความงามแบบครบวงจรถึงบ้านลูกค้า เป็นต้น โดยกิจกรรมที่ทำการบ่มเพาะให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมีความเข้มข้นเป็นอย่างมาก ตั้งแต่การวินิจฉัยธุรกิจ การพบที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ การฝึกอบรมและเวิร์คช็อปที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจเพื่อเตรียมความพร้อม และการได้รับสนับสนุนจากภาคเอกชนและบริษัทขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง
รวมถึงยังมีการโค้ชชิ่งเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนแบบ 1 ต่อ 1 กับที่ปรึกษา เช่น การคิดวิเคราะห์ต้นทุนและราคาขาย การคิดและจัดทำโปรโมชั่น ตลอดจนหัวข้ออื่น ๆ เช่น เทคนิคการเจรจา เทคนิคการร่วมงานกับบุคคลในองค์กร เป็นต้น
“สำหรับผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ จากโครงการประจำปี 2562 รายหนึ่ง คือ บริษัท คีย์ จำกัด ได้รับการร่วมทุนจากนักลงทุน เพื่อการจัดตั้งธุรกิจและดำเนินธุรกิจ เป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท โดยบริษัท คีย์ จำกัด คือ ผู้พัฒนาออนไลน์แพลตฟอร์ม thonglor.co ที่ให้บริการตัดผม และเสริมความงาม แบบครบวงจรนอกสถานที่ โดยช่าง มืออาชีพ”นางศันศนีย์ กล่าว
นายธนาชัย ไหลศิริ CEO บริษัท คีย์ จำกัด หนึ่งในผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มทองหล่อ กล่าวว่าจุดเริ่มต้นของการพัฒนาธุรกิจเทคโนโลยีว่า Thonglor.co เป็นแพลตฟอร์มที่ทำการจับคู่ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางเสมือนตลาดให้ผู้สนใจขายมาวางสินค้าของตนเอง ด้วยการรวมช่างบริการเกี่ยวกับผมทั้งชายและหญิง ช่างแต่งหน้า ช่างทำเล็บ และอื่น ๆ ที่นำเสนอบริการให้ถึงที่บ้าน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพัฒนาให้มีบริการครอบคลุมทุกหมวดหมู่ความงาม ที่ไม่ใช่เพียงโมเดลธุรกิจจับแพะชนแกะทั่วไป แต่จะมีการลงทะเบียนช่างผู้ให้บริการ อบรมช่าง วางมาตรฐาน ที่ทุกอย่างออกแบบโดยช่างซาลอนจริง ๆ ที่มีประสบการณ์จริง เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า โดยที่ผ่านมา เราได้เก็บฟีดแบคของลูกค้าที่รับบริการเพื่อนำมาพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
“ด้วยจุดเด่นของแพลตฟอร์มทองหล่อที่เรามีช่างมืออาชีพออนไลน์อยู่กับเราตลอดเวลา ทำให้พร้อมที่จะนำเสนอบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยจะมีการเก็บอ้างอิงเบื้องต้นก่อนจากลูกค้า เพื่อจับคู่ช่างที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าที่สุด ซึ่งจะมีขั้นตอนที่เข้มงวดในการลงทะเบียนช่างเพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจในการรับบริการในสถานที่ของลูกค้าเอง อีกทั้งยังสามารถยืดหยุ่นในเรื่องเวลาค่อนข้างสูงเพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่มีความเร่งรีบและไม่แน่นอน ซึ่งช่างที่เป็นพาร์ทเนอร์เองจะมีความยืดหยุ่นด้วยเช่นกัน โดยเราจะป้อนงานช่างให้ตลอดเวลา ทำให้ช่างแต่ละคนสามารถจัดการตารางตัวเองได้ จะทำเป็นงานเสริมหรืองานหลักย่อมได้ ตอบโจทย์แก้ยุคสมัยปัจจุบัน
นอกจากนี้ ในภาพใหญ่แพลตฟอร์มทองหล่อจะเป็นระบบแบบสองทาง ที่มีการเก็บข้อมูลจากลูกค้าทั้งก่อนและหลังรับบริการ และอีกส่วนคือ ข้อมูลของช่างทั้งก่อนและหลังให้บริการ รวมถึงคะแนนของช่างเพื่อให้ช่างรักษาระดับและพัฒนาตนเองตลอดเวลา เพื่อให้สมกับความตั้งใจที่จะเพิ่มมูลค่าและยกระดับการบริการช่างซาลอนให้มีคุณภาพ ซึ่งเราต้องการสร้าง “สังคมทองหล่อ” ให้มีชีวิต คงไว้ซึ่งภาวะการณ์แข่งขัน เพื่อให้มีคุณค่ายิ่งขึ้นไป โดยเชื่อว่า ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การบริการที่ดี และจะกลับมาใช้ซ้ำอย่างแน่นอน”นายธนาชัย กล่าว
นายธนาชัย กล่าวอีกว่า การเข้าร่วมโครงการ SUCCESS 2019 ของ สวทช. ทำให้บริษัทฯ ได้รับคำปรึกษาจากคณะอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่าง ๆ ธุรกิจดำเนินไปอย่างถูกทิศทาง ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์ การจับมือกับพันธมิตร โอกาสได้พบปะกับนักลงทุน ได้โอกาสในการรับเงินทุนสนับสนุนเพื่อนำมาส่งเสริมด้านการตลาด อาทิ ได้เข้าร่วมคอร์สอบรมเสริมความรู้ และพัฒนาศักยภาพในการบริหารธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญ คือ โอกาสในการสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของผู้ประกอบการธุรกิจ ในธุรกิจแพลตฟอร์มทองหล่อ
ซึ่งแนวทางต่อยอดทางการตลาดหลังจากนี้ จะเน้นไปที่การสื่อสารกับลูกค้าและช่างผู้ให้บริการที่เป็นพาร์ทเนอร์กับเราเป็นหลัก โดยจะสื่อการด้านการบริการว่า ทองหล่อ คืออะไร และแตกต่างกับร้านตัดผมธุรกิจซาลอนดั้งเดิมอย่างไร แพลตฟอร์มนี้จะเข้ามาแก้ปัญหาอย่างไร ทำไมต้องเป็น ‘ทองหล่อ’ รวมถึงช่างพาร์ทเนอร์ของเราเอง จะได้สื่อสารเรื่องวัฒนธรรมองค์กรและวิสัยทัศน์ของเรา เพื่อให้มีความเข้าใจทิศทางของ ‘ทองหล่อ’ มากขึ้น นอกจากนี้ ทุนอีกส่วนเรามีแผนที่จะพัฒนาแอปพลิเคชันบนมือถือ เพื่อให้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้นโดยตั้งใจจะทำให้การบริการมีความง่ายและตอบโจทย์ที่สุด ซึ่งผู้สนใจใช้บริการสามารถใช้บริการผ่าน www.thonglor.co หรือช่องทางไลน์ OA (หรือไลน์ทางการ: Line official account) ที่ @ThongLor ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง
“ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า แพลตฟอร์มทองหล่อที่เน้นการให้บริการถึงบ้านอยู่แล้ว ทำให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องออกจากบ้าน สามารถจัดการเวลาได้ ‘ทองหล่อ’ ในช่วงวิกฤติโควิด-19 จึงมีความต้องการสูงมาก โดยอัตราการเติบโต สูงถึง 500% และด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่การออกจากบ้าน คือ ความเสี่ยง ทางแพลตฟอร์มทองหล่อ จึงได้เพิ่มมาตรการพิเศษเพื่อให้ลูกค้าที่รับบริการมั่นใจว่าจะปลอดภัยโดยปราศจากความเสี่ยง เช่น การเพิ่มชุดให้รัดกุมขณะให้บริการ การฉีดพ่นเครื่องมือทุกครั้งทั้งก่อนและหลังการบริการ รวมถึงการให้ผู้ให้บริการใส่หน้ากากอนามัยหรือ Mask ตลอดเวลาที่ให้บริการ” นายธนาชัย กล่าว
ที่มา : มติชน