ลุ้นศบค.ถก 15 พ.ค.ไฟเขียวปลดล็อคอีก 3 กลุ่มใหญ่ รวมนวดเท้า ร้านเสริมสวย คลีนิกบิวตี้ ฟิตเนส จัดประชุม บรรยาย กองถ่ายทำทีวี โฆษณา ทำคลิป เล็งช่วยการจ้างงาน
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (กห.) ออกมาระบุเตรียมพิจารณามาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 ให้เปิดกิจการห้างสรรพสินค้าและกิจกรรมอื่น ในวันที่ 17พฤษภาคมนี้
ล่าสุด นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (ศบค.) แถลงเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมถึงการคลายล็อกเปิดสถานประกอบการบางประเภท ว่า ได้พูดคุยกับ
ทางผู้บริหารของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และทางรอง ผบ.ทบ. พบว่าอินโฟกราฟิกที่มีการเผยแพร่ออกไปว่าจะให้สถานประกอบการบางประเภทเปิดนั้น ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ต้องรอวันที่ 15 พฤษภาคมจะมีการประชุม ศบค. และได้รับมอบหมายมาว่า วันนี้ให้ประกาศแบบไม่เป็นทางการไปก่อนเพื่อผู้ประกอบการจะได้เตรียมตัว แต่ยังไม่ 100% ต้องรอวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ ที่เคยประกาศไว้มีทั้งหมด 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มกิจการกิจกรรมที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ และการดำเนินชีวิตประจำวัน ในระยะที่ 2 มี กลุ่ม ก. การจำหน่ายอาหาร หรือเครื่องดื่มในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร และร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศกรีม ในอาคารสำนักงาน กลุ่ม ข. ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ยกเว้น โรงภาพยนตร์ ฟิตเนส โบว์ลิ่ง สวนสนุก สวนน้ำ ศูนย์ประชุม ศูนย์พระเครื่อง สนามพระ และพระบูชา กลุ่ม ค. ร้านค้าปลีก ค้าส่งอื่นๆ กลุ่ม ง. ร้านเสริมสวย (ย้อมผม ดัดผม หรือกิจกรรมอื่นๆ ภายในเวลาการบริการไม่เกิน 2 ชั่วโมง) และร้านทำเล็บ
เปิดคลินิกเสริมความงาม-นวดเท้า
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า 2.กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย และการดูแลสุขภาพ กลุ่ม ก. คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงามคุมน้ำหนัก กลุ่ม ข. สนามกีฬา เฉพาะกีฬาประเภทกลางแจ้ง และตามกติกาสากลเล่นเป็นทีม ไม่มีผู้ชม กลุ่ม ค. สวนดอกไม้ สวนพฤกษศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่ ห้องสมุดสาธารณะ (เข้าเป็นรายคน) สถานประกอบการนวดแผนไทย (เฉพาะนวดเท้า) และกลุ่มที่ 3 กลุ่มอื่นๆ เช่น การประชุม ณ สถานที่ภายใน หรือภายนอกองค์กร ลักษณะการบรรยายร่วมกับวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จำกัดจำนวนคนตามพื้นที่ อีกกลุ่มคือทีมถ่ายทำรายการโทรทัศน์ โฆษณา ถ่ายแบบ ทำคลิป จำนวนไม่เกิน 5 คน นี่ยังเป็นฉบับร่างต้องมีการประชุมกันอีก อาจมีการเปลี่ยนแปลงเพราะต้องพูดคุยกันหลายฝ่าย มีบางรายการเข้ามาแล้วก็ต้องเอาออก หรืออาจมีบางรายการเอาเข้ามาใหม่ จะประเมินเอาที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน
เล็งใช้แอพพ์ตามตัวแบบเกาหลี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ามีการเปิดห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานที่ต่างๆ จะต้องมีการเก็บข้อมูล โดยแอพพลิเคชั่นในการติดตามตัวเพื่อเก็บข้อมูลมีความชัดเจนมากน้อยเพียงใด นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า มีอยู่ในข้อกำหนดที่จะประกาศออกมา แต่บางคนก็อาจะรู้สึกว่าหากมีแอพพ์ติดตามตัวแบบนี้ไม่เอาดีกว่า โทนแบบนี้อยากเรียนว่าไม่อยากให้เป็นแบบนั้น หลายคนเข้าร้านอะไรไปแล้วมีการจดชื่อ ขอเบอร์โทร ก็คล้ายๆ กันอย่างนั้น หรือเปรียบกับการเช็กอินสถานที่ที่ไป แอพพ์จะทำหน้าที่แบบนั้น ลองเปรียบเทียบกับกรณีเกาหลีใต้ เข้าไปในสถานบันเทิง สามารถบอกตัวเลขรายละเอียดลงไปในจำนวนหลักหน่วยได้เลย คือ 1,570 คน ที่ต้องไปติดตาม ที่เกาหลีใต้ได้ใช้ระบบไอทีตามคนได้ จึงต้องมีระบบคล้ายๆ แบบนี้ เพื่อติดตามนำมารักษาตัว สามารถให้เรตติ้งร้านที่เข้าไปใช้บริการได้ด้วย ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสังคมจะทำให้ผ่านระยะที่ 2 ไป 3 และ 4 ด้วยกัน
ที่มา : มติชนออนไลน์