เสริมภูมิคุ้มกัน – เป็นเวลาร่วม 4-5 เดือนแล้วที่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโรคโควิด-19 ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก ซึ่งในห้วงที่ยังไม่ค้นพบวัคซีนในการรักษาโรคดังกล่าว การป้องกันตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญ นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่จะกลายเป็น “นิว นอร์มอล” หรือ “ฐานวิถีชีวิตใหม่” อาทิ การสวมใส่หน้ากาอนามัยออกจากบ้านจนเป็นแฟชั่น การซื้อของออนไลน์ และเว้นระยะห่างทางกายภาพ อย่างน้อย 1.5-2 เมตร การเลือกรับประทานอาหารเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายในการช่วยต้านไวรัสก็เป็นอีกวิธีที่ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก
กรมอนามัย โดยสำนักโภชนาการ ได้แนะนำ “เมนูชูสุขภาพ จากผักผลไม้ไทย หาได้ง่าย สร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน” ครบทั้ง 3 มื้อในหนึ่งวัน ไว้ดังนี้
“มื้อเช้า” เลือกรับอาหารย่อยง่าย ไม่หนักท้อง กับเช็ตเมนูข้าวต้มหมูเห็ดหอม พร้อมนม 1 แก้ว และสั[ปะรด 6-8 ชิ้นพอคำ โดยเบต้ากลูแคนในเห็ดหอม และเบต้าแคโรทีนในสั[ปะรด ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต้านแบคทีเรีย ทั้งยังมีสานต้านอนุมูลอิสระ
หรือใครที่รีบเร่งในตอนเช้า น่าจะถูกใจกับเซ็ตเมนูแซนด์วิชผักโขม รับประทานตอนร้อนๆ พร้อมกับโยเกิร์ต 1 ถ้วย และแคนตาลูป 6-8 ชิ้นพอคำ จะได้รับเบต้าแคโรทีนจากผักโขม ส่วนแคนตาลูปมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ต่อที่ “มื้อกลางวัน” เมนูกับข้าวอุดมประโยชน์ กับเซ็ตฟักทองผัดไข่ รับประทานคู่กับข้าวกล้อง และมะละกอสุก 6-8 ชิ้นพอคำ ด้วยฟักทอง และมะละกอสุกมีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยต้านการอักเสบ และเสริมภูมิคุ้มกัน
ส่วนใครที่ชอบรสเข้มข้นขึ้นมาหน่อย ต้องเซ็ตนี้ แกงส้มผักรวม รับประทานคู่กับผัดผักรวมกุ้ง ราดบนข้าวสวย ตบท้ายด้วยมะยงชิด 2-3 ผล จะได้สารประโยชน์จากแครอท บรอกโคลี คะน้า ผักบุ้ง และมะยงชิดที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ขณะที่เห็ดหอมเห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง มีเบต้ากลูแคน ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย
ปิดท้ายด้วย “มื้อเย็น” ที่มีให้เลือกทั้งแบบเซ็ตแกงเห็ด ปลากรอบ กินคู่กับข้าวสวย และตบด้วยเสาวรส 1-2 ลูก ซึ่งในแกงเห้ดอุดมไปด้วยเบต้ากลูแคน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำลาบสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย และยังมีเบต้าแคโรทีนจากเสาวรสด้วย
หรือจะเป็นเซ็ตเมนูเบาๆ กับโจ๊กหมูเห็ดหอม ตามด้วยมะม่วงสุก ครึ่งผลกลาง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเม็ดเลือดขาว เสริมภูมิต้านทานและต้านการอักเสบ
อย่างไรก็ตาม ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ วันละ 8-10 แก้ว
กินดี รู้ทัน ป้องกันได้
ที่มา : มติชนออนไลน์