เราช่วยชุมชน ชุมชนช่วยเรา ในยามนี้ สู่การแตกผลิตภัณฑ์ใหม่ของ “อิ่มใจ” จากผลไม้อบแห้ง สู่ลูกหยีฉาบจากยะรัง ปัตตานี และเมือง ยะลา ที่นำมาจับใส่ขวดแต่งตัวใหม่ ให้สวยงาม หวังสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้ลูกหยีฉาบทางจังหวัดชายแดนใต้ ได้อวดโฉมของดีเมืองถิ่น ที่เรียกว่า คัดพิเศษ สด ด้วยรสชาติ เข้มข้น กลมกล่อมแบบสูตรคนใต้แท้ๆ ภายใต้การผลิตให้แบรนด์อิ่มใจ ที่จะนำมาเสิร์ฟถึงมือผู้บริโภคแล้ววันนี้
นายปุญญพัฒน์ เลี้ยงประไพพันธ์ เจ้าของแบรนด์ “อิ่มใจ” เปิดเผยว่า การตัดสินใจแตกผลิตภัณฑ์ใหม่ จากผลไม้อบแห้ง เป็นลูกหยีฉาบนั้น ลูกหยี เป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ชุมชนทางยะรัง ปัตตานี และเมืองยะลา ได้ทำเป็นอาชีพ และยังขาดเรื่องการทำตลาดและสร้างแบรนด์ ด้วยคุณภาพของสินค้า เรียกได้ว่าของดีอย่างลูกหยี น่าจะนำมาสร้างชื่อให้คนทั่วไปได้รู้จัก และได้รับรู้ถึงของดีของจังหวัดชายแดนใต้เรา
ทางเราจึงได้มีการติดต่อนำมาทำแบรนด์ในชื่อ “อิ่มใจ” ปรับแพคเกจจิ้ง ให้ดูสวยงาม และน่ารับประทานมากขึ้น ด้วยรสชาติที่ดีของลูกหยีฉาบที่มีความสด ใหม่ เข้มข้น อร่อยนั้นได้ขายตัวเขาเองอยู่แล้ว จึงไม่ยากที่จะนำมาเสิร์ฟถึงมือผู้บริโภค โดยปัจจุบันได้ทดลองออกวางจำหน่าย ได้ประมาณ 1 เดือน ผลปรากฏได้รับการตอบรับที่ดีเกินความคาดหมาย
“มีตัวแทนจากไต้หวันที่อยู่ในเมืองไทย ได้ติดต่อเข้ามา และสนใจในสินค้า ได้มีการสั่งไปจำนวนหนึ่งเพื่อลองไปเปิดตลาดดูก่อน ซึ่งเขาบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ รสชาติก็อร่อยดี และถ้าโควิด19 หยุดการแพร่ระบาด และธุรกิจกลับมาเดินใหม่ได้เต็มร้อย คาดจะมาเจรจากันจริงจังอีกครั้ง” นายปุญญพัฒน์ เล่าและขยายความต่ออีกว่า
ช่องทางจำหน่าย ตอนนี้ เน้นการโทรสั่งสินค้า และใช้ระบบขนส่งเอกชน จะกี่ชิ้นทางเราก็สามารถรับได้หมด สามารถติดต่อได้ที่เบอร์ 089 527 6638 นอกจากนี้ ยังเริ่มมีวางจำหน่ายตามร้านกาแฟบ้าง ล่าสุดที่ร้านกาแฟกับต้นไม้ บาย ดีญ่า (Coffee by Deeya) ย่านบางบัวทอง และตลาดน้ำไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
ส่วนตัวมั่นใจว่า ลูกหยีฉาบ ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ ด้วยรูปลักษณ์โดดเด่น รสชาติอร่อยจะได้รับการตอบรับดีขั้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน เพราะราคาไม่แพง 50 บาทต่อกระปุก ขนาด 220 กรัม และสามารถเก็บรักษาคุณภาพสินค้าได้ถึง 1 ปีเต็ม เมื่อเทียบกับราคาและคุณภาพสินค้า จะทำให้แบรนด์อิ่มใจ ขยายตัวไปได้ และคงได้รับโอกาสสู่เส้นทางส่งออกโดยผ่านตัวแทนจำหน่ายนั่นเอง
สำหรับแผนการตลาดในอนาคต รอให้สถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจให้ดีขึ้นกว่านี้ คาดผนึกกับหน่วยงานรัฐ เพื่อส่งเสริมด้านการขยายตลาดไปยังเอเชีย โดยเฉพาะในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ที่นับว่าตลาดดังกล่าวมีศักยภาพด้านกำลังซื้ออย่างมาก และกำลังเป็นที่ต้องการ โดยอาจเริ่มต้นการไปออกบูธในงานเอ็กซิบิชั่นต่างๆ ในตลาดต่างประเทศ เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จัก และเริ่มต้นจากงานเล็กๆ ไปก่อน เพื่อจะได้เติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ยังคงเดินหน้าสร้างแบรนด์ผ่านสื่อออนไลน์ และฟรีพีอาร์ทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และสื่อ ณ จุดขายอย่างต่อเนื่องอีกด้วย