สรรพคุณ “ชาเบลนด์” ประโยชน์หลากหลายที่คุณเลือกได้

การผสมวัตถุดิบจะใช้อัตราส่วน 3 : 1 คือ ใบชา 3 ส่วนต่อส่วนผสมอื่น ๆ 1 ส่วน ส่วนขั้นตอนการชงเริ่มจากใช้น้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 80-90 องศาเซลเซียสในการสกัดชา โดยน้ำที่เทลงไปรอบแรกจะเป็นน้ำล้างใบชา ให้เททิ้งทันที แล้วค่อยเทใหม่ในรอบที่ 2 หลักการสำคัญในการชงชาเบลนด์ คือ ค่อย ๆ เติมวัตถุดิบอื่น ๆ ทีละน้อยจนกว่าจะได้รสชาติหรือกลิ่นที่ต้องการ เพราะหากเบลนด์ชาให้ได้กลิ่นที่ต้องการก่อน เมื่อชาแช่ในน้ำร้อนอาจจะทำให้กลิ่นและรสเปลี่ยนได้

วัตถุดิบแต่ละชนิดที่เราเลือกเติมลงไปในชานั้นให้สรรพคุณที่ต่างกันไป ดังนั้น นอกจากจะเลือกวัตถุดิบที่เราชอบกลิ่นของมันแล้ว เรื่องสรรพคุณก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึง ร่างกายของคุณต้องการชาเบลนด์สูตรไหน ลองมาพิจารณาเลือกจากสรรพคุณของวัตถุดิบต่าง ๆ ต่อไปนี้

สมุนไพร
– สะระแหน่ ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร
– ตะไคร้ ช่วยให้เจริญอาหาร และบรรเทาอาการหวัด
– ใบเตย ดับกระหายคลายร้อน ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
– ขิง บรรเทาหวัด ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี
– เจียวกู่หลาน ช่วยบำรุงหัวใจ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร และสามารถรักษาอาการหวัด

ดอกไม้
– ดอกคาโมมายล์ ช่วยให้หลับสบาย ลดการอักเสบในช่องปาก และขับลม
– ดอกเก๊กฮวย ช่วยดับกระหาย แก้ร้อนใน บำรุงโลหิต
– ดอกกุหลาบ ช่วยคลายเครียด บำรุงระบบไหลเวียนโลหิต
– ดอกอัญชัน ช่วยบำรุงสายตา ลดระดับน้ำตาลในเลือด
– กลีบดอกบัว ช่วยบำรุงหัวใจ ลดระดับน้ำตาลในเลือด

ผลไม้อบแห้ง
– มะม่วงอบแห้ง ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย มีวิตามินซี
– พีชอบแห้ง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่
– พุทราจีนอบแห้ง ช่วยลดความดันโลหิต บำรุงระบบประสาท
– ลูกพรุนหรือลูกไหนอบแห้ง ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันโรคเลือดจาง และมีไฟเบอร์สูง
– เปลือกส้มอบแห้ง ช่วยบำรุงสายตา กลิ่นหอมของเปลือกส้มช่วยคลายเครียด และแก้อาการนอนไม่หลับ

ข้อแนะนำ การดื่มชาให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดควรดื่มขณะที่ยังร้อน จะช่วยให้ร่างกายรับสารที่มีประโยชน์จากชาได้ดี หากดื่มชาหลังทิ้งไว้ให้เย็นเกิน 2 ชั่วโมง นอกจากจะมีรสฝาดแล้ว ยังทำให้สารแทนนินที่อยู่ในชาสูงขึ้น ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานไม่ดี

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์