"วันตรุษจีน" หรือ "ชุนเจี๋ย" หรือ "วันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน"
ในสมัยก่อนนั้นมีความแตกต่างกันไปในแต่ละแคว้น แต่ละยุคสมัย นั่นเป็นเพราะว่าปฏิทินที่ใช้ในแต่ละยุคสมัยของจีนมีการกำหนดวันตรุษจีนแตกต่างกัน บางยุคใช้แบบสุริยคติ บางยุคใช้แบบจันทรคติ จึงทำให้วันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนไม่ตรงกันเลย
ในสมัยจีนยุคโบราณจะให้ความสำคัญกับ “วันลี่ชุน” ซึ่งถือกันว่าเป็นวันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ มากกว่าวันที่ 1 เดือน 1 วันลี่ชุนจะนับช่วงเวลาตามสุริยคติ ในวันนี้จะมีการเฉลิมฉลองและอัญเชิญเทพเจ้า ถือเป็นวันบวงสรวงสวรรค์ ประกอบพิธีเข้าเฝ้าจักรพรรดิ รวมถึงมีการเสี่ยงทายการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และขอพรจาก “เทพเจ้าการเกษตร” ให้การเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์
ส่วนจุดเริ่มต้นที่กำหนดให้วันที่ 1 เดือน 1 ของทุกๆ ปี ตามปฏิทินจีน เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ของจีนและใช้กันมาจนถึงทุกวันนี้ กำเนิดขึ้นในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น ราวปี พ.ศ.439(ก่อนคริสต์ศักราชประมาณ 104 ปี) “จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้”ทรงประกาศใช้ปฏิทิน “ไท่ซู” ซึ่งกำหนดให้เอา วันที่ 1 เดือนอ้าย(เดือนแรกของปี) ให้เป็นวันเริ่มต้น นับจากนั้นปฏิทินไท่ซู ถูกใช้แทนปฏิทินอื่นๆ และต่อเนื่องมาเป็นเวลานานกว่า 2,000 ปี ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิดของวันตรุษจีนที่ชาวจีนในไทยยึดถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนในปัจจุบัน
ตามปฏิทินจีน “วันตรุษจีน” หรือวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน จะอยู่ช่วงระหว่างปลายเดือนมกราคม ถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งแต่ละปีอาจคลาดเคลื่อนแตกต่างกันไป (เนื่องจากจำนวนวันในเดือนของปฏิทินจีน บางเดือนมี 29 วัน บางเดือนมี 30 วัน แตกต่างกับปฏิทินสากล) ด้วยเหตุนี้วันขึ้นปีใหม่ของชาวจีนในแต่ละปีไม่จึงไม่ตรงกันเลย
เรื่อง “วันชุนเจี๋ย” นี้ มีเรื่องเล่ากึ่งนิทานของชาวบ้าน คำว่า “ชุนเจี๋ย” เกี่ยวโยงกับ “ซิ่ว” หรือ “ซิ่วแช” เทพแห่งอายุวัฒนะ ที่เป็น 1 ใน 3 เทพมงคลของคนจีน คือ ฮก ลก ซิ่ว
เรื่องราวเกิดขึ้นในยุคสมัยของพระเจ้าจูอี่ ซึ่งเป็นฮ่องเต้องค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์ซาง ในสมัยนั้นมีชายหนุ่มชื่อ “ว่านเหนียน” สนใจเกี่ยวกับวิชาดาราศาสตร์ เขาศึกษาจนกระทั่งมีความชำนาญ ในยุคนั้นปฏิทินที่ใช้กันยังไม่มีความแม่นยำ ฤดูกาลที่กำหนดไว้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อการเกษตร ส่วนการควบคุมฤดูกาลนั้น ควบคุมโดย “อำมาตย์เหิง” ซึ่งไม่ยอมรับว่าตนด้อยไม่มีความรู้ กลับไปโทษผีสางเทวดา อำมาตย์เหิงกราบทูลพระเจ้าจู่อี่ให้สร้างหอขนาดมหึมาเพื่อทำพิธีบวงสรวงฟ้าดิน
เมื่อเรื่องนี้รู้ไปถึงว่านเหนียน เขาเห็นว่าการกระทำเช่นนี้ไม่อาจแก้ปัญหาได้ จึงขอเข้าเฝ้าพระเจ้าจู่อี่ อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้การคำนวณปฏิทินแบบเก่าผิดพลาด เมื่อได้ฟังเหตุผลของว่านเหนียน พระเจ้าจูอี่จึงระงับการสร้างหอบวงสรวง แล้วเปลี่ยนไปสร้างหอดาราศาสตร์ให้ว่านเหนียนศึกษาค้นคว้าเพื่อปรับปรุงปฏิทินให้ถูกต้อง เรื่องนี้ทำให้อำมาตย์เหิงไม่พอใจ และกลัวว่าถ้างานของว่านเหนียนสำเร็จ ตนจะถูกปลด จึงส่งคนไปลอบฆ่าว่านเหนียน แต่คนที่ส่งไปถูกจับเสียก่อน เมื่อเรื่องไปถึงพระเจ้าจูอี่ ทรงสอบสวนจนทราบเรื่องทั้งหมด และรับสั่งลงโทษอำมาตย์เหิงอย่างหนัก และคืนนั้นพระเจ้าจูอี่ได้เสด็จไปเยี่ยมว่านเหนียน ที่หอดาราศาสตร์
เมื่อไปถึงว่านเหนียนกราบบังคมทูล ว่าขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนพอดี ปีเก่ากำลังจะผ่านพ้นไป วสันต์ใหม่กำลังจะเริ่มต้น ขอพระองค์ทรงโปรดตั้งชื่อวันนี้ไว้เป็นที่ระลึกเถิด พระเจ้าจูอี่รับสั่งว่า “วสันต์เป็นต้นปี จงเรียกวันนี้ว่า ตรุษวสันต์(ชุนเจี๋ย) เถิด” ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของคำว่า ชุนเจี๋ย
ขณะเดียวกัน วันคืนผ่านไป ว่านเหนียนใช้เวลาปรับปรุงปฏิทินจนถูกต้องแม่นยำและพากเพียรทำงานจนสำเร็จ พระเจ้าจูอี่ทรงตื้นตันพระทัย จึงทรงตั้งชื่อปฏิทินใหม่นั้นว่า “ปฏิทินของว่านเหนียน” หรือ “ว่านเหนียนลี่” ทั้งยังทรงแต่งตั้งให้ว่านเหนียนเป็น “โส้วซิง” หรือ “ซิ่วแช” เทพแห่งอายุวัฒนะ ซึ่งหมายถึงการมีอายุมั่นขวัญยืน สุขภาพแข็งแรง ในเทศกาลตรุษจีนชาวบ้านนิยมแขวนภาพเทพแห่งอายุวัฒนะ เพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีของว่านเหนียนนั่นเอง
ปัจจุบันคำว่า” ว่านเหนียนลี่” หมายถึง “ปฏิทินร้อยปี” ของจีน