ใครชอบกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดจะรู้ดีว่าร้านที่ทำอร่อยนั้นมีไม่เยอะ จะด้วยกรรมวิธีที่ยากกว่าชาวบ้านหรืออย่างไรไม่ทราบ รู้แต่ว่าหาเจ้าอร่อยยากจริงๆ
แต่ด้วยความบังเอิญจริงๆ ที่เข้าไปรับประทานอาหารร้าน “คาวหวาน” ย่านประชานิเวศน์ 1 ที่ร้านมีเมนูบะหมี่เป็ดมาเสริมได้ซักพักแล้ว แต่เป็นเมนูเสริมที่ดูจริงจังมาก ทั้งด้านรสชาติและราคา
ที่ร้านคาวหวานเราต้องสั่งเป็ดตุ๋นมาเป็นโถใหญ่ แล้วสั่งบะหมี่แยกมา
เป็ดที่เสิร์ฟมาในโถจะมาแบบน้ำขลุกขลิกและเข้มข้น ส่วนเส้นบะหมี่มีให้เลือก 3 ขนาด คือ เล็ก กลาง ใหญ่ ไม่มีเครื่องปรุงใดๆ มีแค่พริกน้ำส้มที่ทำคล้ายน้ำจิ้มซีฟู้ด แต่ทีเด็ดที่ร้านผสมเต้าเจี้ยวให้ได้รสชาติกลมกล่อมขึ้น
กินคำแรกก็หูตาเบิกโพลงเลยล่ะค่ะ รสชาติน้ำซุปที่เข้มข้นหอมกลิ่นพะโล้ ตักมาราดบะหมี่พอขลุกขลิก เนื้อเป็ดที่นุ่มลิ้น ปีกที่ผ่านการตุ๋นมาอย่างพิถีพิถันก็ทั้งนิ่มและล่อน มือจับรูดเข้าปากอย่างฟิน ขาเป็ดก็ยุ่ยล่อนไม่ต่างกัน ไส้เป็ดดีงามไม่เหนียวเคี้ยวกรุบ
สนนราคาถือว่าคุ้มเมื่อเทียบกับรสชาติที่ไม่ธรรมดา อย่างรวมมิตรที่สั่งจะมีเนื้อเป็ด ปีก ขา ไส้ เลือดเป็ดนุ่มๆ ใส่มาแน่นชาม กินได้ 2 คน บวกกับบะหมี่คนละก้อนสองก้อน สนนราคาประมาณ 300 กว่าบาท หารสองเหลือคนละประมาณ 170-180 บาทเท่านั้น
ล่าสุด “คุณฮ้ง-เสถียร อมรเกษมวงศ์ เจ้าของร้านคาวหวาน” เห็นกระแสตอบรับดีจากลูกค้า ตอนนี้ไปเปิดร้าน “เป็ดตุ๋นอากงหงี” เป็นสาขาแรกที่ตลาดบองมาร์เช่แล้ว มีให้บริการเหมือนเดิม เพิ่มเติม คือ ขายก๋วยเตี๋ยวเป็นชามเดี่ยว น้ำซุปหอมฉุยไว้ให้ซดได้ด้วย
เน้นเส้นบะหมี่ไข่เช่นเดิม มีให้เลือก 3 แบบ เส้นเล็ก เส้นกลาง เส้นเป๊าะ (ใหญ่กว่าเส้นกลางหน่อยนึง) ราคามีตั้งแต่ชามละ 60-90 บาท หรือ จะสั่งแบบแยกก็มี เช่น เนื้อเป็ดโถ 280 บาท ปีกเป็ดโถ 200 บาท ขาเป็ดโถ 180 บาท ไส้เป็ดโถ 200 บาท เป็ดครึ่งตัว 440 บาท เป็ด 1 ตัว 800 บาท บะหมี่ลวก 20 บาท ข้าวเปล่า 10 บาท
ช่วงนี้คุณฮ้งมาประจำที่บองมาร์เช่ คอยบริการตอบคำถามลูกค้าอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย ก็ต้องคอนเฟิร์มว่าช่างเป็นบะหมี่เป็ดที่อร่อยครบทุกองค์ประกอบตั้งแต่น้ำซุป ยันเส้น ยันเป็ด ยันเครื่องในตับไตไส้พุง
คุณฮ้ง เล่าความเป็นมาของเมนูนี้ว่า เป็นสูตรของคุณพ่อที่ดัดแปลงสูตรมาจากอากงอีกที
“คุณพ่อผมเป็นคนเยาวราช ต้องดูแลกับข้าวให้ลูกๆ 6 คน พอไม่มีเวลา พ่อจะไปซื้อเป็ดมา 2 ตัว พร้อมพะโล้ รสชาติพะโล้คนจีนเขาจะกินเค็ม พ่อก็รู้ว่าเด็กๆ ไม่กินเค็มก็จะดัดแปลงให้มีรสชาติหวานนิดนึง”
คุณฮ้ง บอกอีกว่า พอมาถึงรุ่นลูกตัวเอง ลูกชอบกินห่าน แต่ห่านแพงก็เลยลองทำเป็ด ช่วงที่ลองทำตอนนั้นเป็นช่วงโควิดครั้งแรก ส่วนบะหมี่คัดเลือกจากของโรงงานอ้อยฮวด ซึ่งเป็นโรงงานบะหมี่ที่อยู่เบื้องหลังของร้านก๋วยเตี๋ยวดังๆ หลายร้าน เป็นบะหมี่ที่โรงงานอายุ 90 ปีแล้ว เป็นบะหมี่ไข่คุณภาพดีมาก
“ตอนแรกคนก็แปลกใจ ไม่เชื่อว่าร้านนี้เหรอขายเป็ด ทำให้เรามองว่าคนเขามองร้านเป็ดคืออะไร จริงๆ หัวใจสำคัญคือน้ำซุป แล้วเราเลือกเป็ดแค่ไซส์เดียว เราเลือกเฉพาะเป็ดเชอรี่ ไซส์ XXL อย่างเดียว จะไซส์ประมาณ 2.9 – 3 กิโลกรัม ทำไมเราถึงเลือกไซส์นี้ ไซส์นี้ต้องเข้าใจก่อนว่าเป็ดไก่หมู เลี้ยงเป็นคอก การเลี้ยงเป็นคอก ตัวไหนใหญ่สุด นั่นคือ เป็ดที่อยู่ในคอกนั้นที่สมบูรณ์ เราก็ต้องเลือกเป็ดที่สมบูรณ์ที่สุดในคอกนั้น ดังนั้น ไซส์ XXL เป็นเป็ดที่สมบูรณ์แล้ว เราเชื่อว่าเรากินจะมีรสชาติที่อร่อย เท่านั้นเอง”
ส่วนน้ำซุปที่ทำแบบขลุกขลิก เพราะต้องการให้กลมกล่อมเข้มข้น น้ำซุปที่นี่เลยเอาไปทำพะโล้ต่อได้อีกด้วย
คุณฮ้ง บอกว่า เดิมทีเป็นผู้บริหาร ฟิชโช่ซีเล็คมาก่อน แต่รีไทร์ตัวเองตอนอายุ 50 ปี เพราะอยากมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ หาอะไรที่เป็นของเราเองไม่ใช่มือปืนรับจ้าง ตอนนี้อายุ 60 ปีแล้ว ไม่ใช่แข็งแรงแค่ร่างกาย แต่สมองก็ยังแข็งแรง
สำหรับร้านคาวหวานเปิดมาได้ 4-5 ปีแล้ว ใครเคยมาร้านนี้จะเห็นว่าเป็นตึกที่เปิดให้เช่าเป็นสตูดิโอถ่ายรายการด้วย เพราะตัวคุณฮ้งเองนอกจากบริหารร้านอาหารก็ยังเปิดบริษัทโฆษณาอยู่
ความโดดเด่นของอาหารร้านคาวหวาน คือ ประณีตในการทำอาหาร มีจริตที่ใส่ใจรสชาติอาหาร รู้ว่าคนกินต้องการแบบไหน ทำให้ร้านนี้มีลูกค้าประจำเหนียวแน่น
ใครอยากมาชิม ร้านคาวหวานพิกัดอยู่ประชานิเวศน์ 1 ถ้ามาจากทางวัดเสมียนนารี ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านไฟแดงแรก ตรงมาเลี้ยวซ้ายก่อนถึงสะพานลอย มีจุดสังเกตคือ 7/11 ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-21.00 น. มีอาหารสารพัด โดดเด่นอาหารเหนือ และมีบะหมี่เป็ดเสิร์ฟแบบโถ
หรือ ไปที่สาขาแรกตลาดบองมาร์เช่ “ร้านเป็ดตุ๋นอากงหงี” เป็นร้านบะหมี่เป็ดโดยเฉพาะ พิกัดอยู่โซนด้านหน้าตลาดบองมาร์เช่เลย เปิดทุกวัน เชิญเข้าไปตำกันตามสะดวกค่ะ