นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกันระยะ 3 (เฟส 3) ออกมาแล้ว โดยเพิ่มจำนวนสิทธิห้องพัก 2 ล้านห้อง และขยายเวลาใช้ได้ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ซึ่งประเมินแล้วคงไม่ทันใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือในเดือนเมษายนนี้ เพราะยังต้องจัดการระบบใหม่ เพื่อป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้น อาทิ ต้องจองล่วงหน้า 7 วัน มีการสแกนใบหน้า ผู้ประกอบการต้องแจ้งจำนวนห้องพักที่มีทั้งหมด และราคาตามจริง กำหนดให้ต้องเดินทางแบบข้ามจังหวัดที่ไม่ได้อยู่ในภูมิลำเนาเท่านั้น รวมถึงการปรับมูลค่าวอชเชอร์เหลือ 600 บาทต่อวัน เท่ากันทั้งวันธรรมดาและวันหยุด โดยคาดว่าประชาชนจะสามารถเริ่มใช้สิทธิจองห้องพักเพื่อท่องเที่ยวได้ ในสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม 2564
“ระบบเราเที่ยวด้วยกัน จะประสานกับธนาคารกรุงไทย ดำเนินการปรับระบบ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์ น่าจะใช้เวลาในการปรับระบบเสร็จ ซึ่งแม้จะออกมาใช้ไม่ทันในช่วงสงกรานต์ แต่เชื่อว่าการเดินทางท่องเที่ยวจะยังมีอยู่ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุน ทั้งวันหยุดยาวเพิ่มเติม รวมถึงแรงอัดอั้นที่สงกรานต์ปีก่อนหน้า เราไม่ได้จัดกิจกรรมทั้งสิ้น และปีใหม่ที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่ได้จัดกิจกรรมมากนัก บวกกับสิทธิห้องพักจำนวน 6 ล้านสิทธิในเฟส 1-2 ที่ถูกใช้ช่วงที่ผ่านมานั้น กำหนดให้ใช้ที่ 15 สิทธิต่อคน ทำให้จำนวนผู้ที่ใช้สิทธิจริงๆ มีไม่กี่แสนคนเท่านั้น จึงมองว่าน่าจะมีคนอีกมากที่ยังไม่ได้ออกเดินทาง และรอเดินทางในช่วงหยุดยาวนี้ โดยคาดว่าทั้งเดือนเมษายนนี้ จะมีการเดินทางอยู่ที่ 15-18 ล้านคน-ครั้ง” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่ปรับมาจากเที่ยวไทยวัยเก๋านั้น ยังคงแนวคิดในการกระตุ้นการเดินทางในวันธรรมดา ผู้เข้าร่วมโครงการมีอายุ 18 ปี ขึ้นไป ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนค่าเดินทางผ่านบริษัททัวร์นำเที่ยวในสัดส่วน 40% ไม่เกิน 5,000 บาท จำนวน 1 ล้านสิทธิ โดยไม่กำหนดราคาแพคเกจทัวร์ขั้นต่ำ แต่คงเพดานสูงสุดที่ 12,500 บาท เพื่อไม่ให้เกินมูลค่าที่รัฐจะสมทบให้ ซึ่งจำกัดบริษัททัวร์ให้บริการผู้เข้าร่วมโครงการได้ที่ 1,000 สิทธิต่อ 1 บริษัทเท่านั้น มีระยะเวลาในการดำเนินโครงการ 4 เดือน โดยย้ำว่าเราเที่ยวด้วยกัน และทัวร์เที่ยวไทย ประชาชนสามารถร่วมได้ทั้ง 2 โครงการ แต่กำหนดว่า ห้ามใช้ทั้ง 2 โครงการในเวลาเดียวกัน เพื่อลดการได้รับสิทธิประโยชน์ที่ทับซ้อนกัน
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เป้าหมายรายได้ในภาคการท่องเที่ยวรวม ยังยืนยันอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดไทยเที่ยวไทย 8.7 แสนล้านบาท จำนวนการเดินทาง 160 ล้านคน-ครั้ง ส่วนตลาดต่างชาติ สร้างรายได้ 3.2 แสนล้านบาท จำนวน 6.5 ล้านคน โดยการพยายามนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในช่วงไตรมาส 3/2564 เพื่อเป็นแรงส่งให้บรรยากาศการท่องเที่ยวดีดตัวขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ รวมถึงชิงโอกาสทางการตลาดก่อน และสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน