Tour Story : เรื่องราวระหว่างทัวร์

เดือนเมษายน หนีร้อนไปเที่ยวเย็นเดือนเมษายน

ลมฤดูร้อนแห่งเดือนเมษา ผ่านพัดมาพาให้ร้อนรน…ไม่ใช่ร้อนธรรมดาแต่ร้อนทั้งกายและร้อนทั้งใจ  ถ้าเป็นอย่างนี้นานๆ ก็ไม่ไหวแน่ เหลือไม่กี่วันก็เข้าสู่เดือนเมษายนแล้ว ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของประเทศไทย เลยหาทางหนีร้อนไปเที่ยวเย็นดีกว่า ได้เวลาเตรียมตัวแพ็คกระเป๋ากันเลย จะมีที่ไหนให้ไปบ้างมาดูกัน… หากต้องการหลบหลีกผู้คนไม่ต้องแออัดเบียดเสียดแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว โดยเฉพาะวันหยุดติดต่อกันยาวๆ อย่างนี้ สถานที่แรกลองดูที่ “อำเภอมะขาม” จังหวัดจันทบุรี  น่าจะเหมาะ  เพราะที่นี่อยู่กลางป่าเขา คนไปเที่ยวน้อย ส่วนมากที่พักเป็นโฮมสเตย์ ไม่มีโรงแรม 3 ดาว 5 ดาว และบรรยากาศเหมาะกับคนที่ชอบเที่ยวแบบลุยๆ  

อำเภอมะขาม เดิมชื่อ อำเภอท่าหลวง ตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2442 โดย พระพลสงคราม เป็นนายอำเภอคนแรก  ก่อนหน้านั้นเป็นด่านสำหรับเก็บส่วยอากร ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำจันทบุรี ที่ตั้งตำบลท่าหลวงปัจจุบัน  ต่อมาการค้าขายได้เจริญขึ้น มีการติดต่อค้าขายกับประเทศกัมพูชา โดยใช้เส้นทางผ่านอำเภอมะขามไปยังอำเภอโป่งน้ำร้อน และข้ามไปเขมรกันมากขึ้น เพื่อความสะดวกต่อการเก็บส่วยอากรจึงได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งอยู่ ณ บ้านมะขามในปี พ.ศ. 2540 และเปลี่ยนชื่อเป็น “อำเภอมะขาม”

โปกโล้น

เหตุที่ได้ชื่อว่า อำเภอมะขาม เล่ากันว่าในช่วงก่อนโน้นพื้นที่อำเภอมะขามเป็นป่าดงดิบมีสัตว์ดุร้าย ไข้ป่าชุกชุม ทำให้ผู้ที่ผ่านไปมาประสบภัยอยู่เป็นเนือง ๆ  การเดินทางไม่มีถนนเหมือนในปัจจุบัน การคมนาคมติดต่อกับจังหวัดที่สะดวกที่สุดเป็นทางเรือ โดยใช้เส้นทางแม่น้ำจันทบุรี แต่ก็เดินทางหลายชั่วโมง ส่วนทางบกต้องใช้ม้าหรือเกวียนกันเลยทีเดียว เพื่อลัดเลาะภูเขาไปตามแนวป่า กินเวลาเดินทางประมาณ 2 วันจึงจะถึงตัวเมือง ทั้งๆ ที่ระยะทางเพียง 16 กิโลเมตรเท่านั้น  สิ่งน่ากลัวในบริเวณนี้เมื่อสมัยโบราณคือ “ไข้ป่า”  “ไข้มาลาเรีย” ทำให้คนเดินทางมักเสียชีวิตระหว่างทาง เกิดความเข็ดขยาดต่อความทุรกันดาร เลยพากันขนานนามย่านนี้ว่า “มาขาม” ต่อมาได้เลือนเป็น “มะขาม” มีหลักฐานด้วยว่าครั้งโบราณอำเภอมะขามเคยเป็นเมืองขอม และตกมาอยู่ในความครอบครองของไทยเมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันยังปรากฏว่ามีราษฎรในพื้นที่มีเชื้อสายขอมหรือเขมรชาวเขาอยู่บ้าง

ที่อำเภอมะขามมีบ้านพักแบบโฮมสเตย์มากมายหลายแห่ง ส่วนใหญ่ตั้งติดริมน้ำ ไปนอนพักหลบร้อนฟังเสียงน้ำไหลเพลินๆ อาทิ “บ้านสวนริมน้ำ”  โฮมสเตย์ริมน้ำตกท่ามกลางสวนผลไม้ขนาดใหญ่ร่มรื่นเย็นสบาย อากาศบริสุทธิ์สะอาดเย็นสบายตลอดทั้งปี และมีน้ำตลอดปีไม่เคยแห้ง ถ้าอยากเล่นน้ำตกแค่ก้าวลงบันไดเอาเท้าแช่น้ำเล่นได้เลย “บ้านต้นน้ำจันทร์” ติดริมน้ำบรรยากาศร่มรื่นกลางสวนผลไม้อีกแห่ง มีทั้งบ้านพักและลานกางเต๊นท์บริการ ใครอยากสัมผัสธรรมชาติสีเขียวๆ ต้องไม่พลาด “บ้านสวนพฤกษา” เป็นอีกหนึ่งโฮมสเตย์ที่มีบรรยากาศดีเหมาะกับการพักผ่อนหน้าร้อน มีบ้านพักทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็ก “บ้านธารระริน” ตั้งอยู่ริมลำธารที่มาจากน้ำตกเขาบรรจบคลอง 3 สาย บริการบ้านพักหลายสไตล์ท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากที่กล่าวมายังมีโฮมสเตย์อีกหลายแห่งให้เลือกตามจำนวนเงินในกระเป๋า โฮมสเตย์ทั้งหมดมีอาหารพื้นบ้านไว้บริการด้วย

ที่อำเภอมะขามมีบ้านพักแบบโฮมสเตย์มากมายหลายแห่ง ส่วนใหญ่ตั้งติดริมน้ำ ไปนอนพักหลบร้อนฟังเสียงน้ำไหลเพลินๆ อาทิ “บ้านสวนริมน้ำ”  โฮมสเตย์ริมน้ำตกท่ามกลางสวนผลไม้ขนาดใหญ่ร่มรื่นเย็นสบาย อากาศบริสุทธิ์สะอาดเย็นสบายตลอดทั้งปี และมีน้ำตลอดปีไม่เคยแห้ง ถ้าอยากเล่นน้ำตกแค่ก้าวลงบันไดเอาเท้าแช่น้ำเล่นได้เลย “บ้านต้นน้ำจันทร์” ติดริมน้ำบรรยากาศร่มรื่นกลางสวนผลไม้อีกแห่ง มีทั้งบ้านพักและลานกางเต๊นท์บริการ ใครอยากสัมผัสธรรมชาติสีเขียวๆ ต้องไม่พลาด “บ้านสวนพฤกษา” เป็นอีกหนึ่งโฮมสเตย์ที่มีบรรยากาศดีเหมาะกับการพักผ่อนหน้าร้อน มีบ้านพักทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็ก “บ้านธารระริน” ตั้งอยู่ริมลำธารที่มาจากน้ำตกเขาบรรจบคลอง 3 สาย บริการบ้านพักหลายสไตล์ท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากที่กล่าวมายังมีโฮมสเตย์อีกหลายแห่งให้เลือกตามจำนวนเงินในกระเป๋า โฮมสเตย์ทั้งหมดมีอาหารพื้นบ้านไว้บริการด้วย

จากจันทบุรี แว๊บไปที่สันหลังมังกร “เขาโปกโล้น” ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ในอดีตหลายร้อยปีที่ผ่านมา ตำบลนครชุม เดิมเรียกว่า “นครซุ่ม” หรือ “เมืองบัวซุ่ม” เป็นเมืองหน้าด่านของสุโขทัย มีภูเขาล้อมรอบทั้ง 4 ทิศ ชาวบ้านเชื่อว่า “ขุนบางกลางท่าว” เคยเสด็จมาประทับที่นครชุม ก่อนจะเสด็จมาครองเมืองบางยาง และได้ใช้พื้นที่ตำบลนครชุมเป็นพื้นที่ในการซ่องสุมไพร่พล ฝึกทหาร เนื่องจากมีชัยภูมิที่เหมาะสมทางการทหาร สามารถมองเห็นภูมิทัศน์และการศึกได้ชัดเจน จึงเรียกว่า “นครซุม” และกลายมาเป็น “นครชุม” ในปัจจุบัน  ส่วน “เขาโปกโล้น” หรือ “ภูโปกโล้น” เป็นร่องเขาที่อยู่ด้านข้างหมู่บ้านนครชุม นับว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของไทย

เขาโปกโล้น

จากหมู่บ้านเดินเท้าประมาณ 1-2 กิโลเมตร ใช้เวลา 30-40 นาทีก็ถึงตีนเขา ลักษณะทางไม่โหดถือว่าเดินได้สบายๆ แต่อาจมีบางช่วงที่ชัน ใครผ่านการเดินป่ามาบ้างแล้วก็ไม่ลำบาก ก่อนจะถึงสันเขารอบข้างเป็นผาให้แต่ละคนได้ปีนป่ายสร้างความหวาดเสียวเล่นๆ ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่ทางเดินบนสันหลังมังกรแห่งยอดเขาโปกโล้น สองข้างซ้าย-ขวาเป็นหน้าผาสูง 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ต้องใช้ความระมัดระวังพอสมควรกว่าจะถึงยอดเขา แต่พอไปถึงแล้วหายเหนื่อยจริงๆ อากาศที่เย็นสบาย สายลมปะทะไล่ความร้อน ดื่มด่ำกับโอโซนเต็มปอด  สถานที่สำคัญบนภูโปกโล้นยังมี “หินรอยพระร่วง”  มีลักษณะคล้ายรอยเท้าขวาของมนุษย์ ขนาดกว้าง 21 ซม. ยาว 42 ซม. จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน ว่าเป็นรอยพระบาทของพ่อขุนบางกลางท่าว เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมชมการฝึกทหารของขุนหาญห้าว และได้ประทับรอยพระบาทไว้บนก้อนหิน

หากคิดจะไปเที่ยวที่นี่ต้องบอกก่อนว่า ที่เขาโปกโล้นไม่มีโรงแรมให้พัก ไม่ว่าระดับไหน มีแต่โฮมสเตย์อีกเหมือนกัน ชาวบ้าน อบต.นครชุม ร่วมกันดูแลพัฒนาโฮมสเตย์และแหล่งท่องเที่ยวที่นี่ ทั้งเขาโปกโล้น บ่อเกลือพันปี ต้นตะเคียนยักษ์  ศาลปู่หลวงนครชุม ฯลฯ เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งของเมืองพิษณุโลก ทุกๆ ปี จะมีประเพณีปักธงปฐมฤกษ์บนยอดเขาโปกโล้น ในวันที่ 13 เมษายนของทุกปี เพื่อระลึกถึงวีรกรรมของพ่อขุนบางกลางท่าว

ถ้ำเวฬุ

เลาะไปอีกแห่งที่จังหวัดกำแพงเพชร จังหวัดที่ได้ชื่อ “ร้อนตับแล่บ” ของภาคเหนือตอนล่างหรือภาคกลางตอนบน แต่ใครรู้ไหมว่ากำแพงเพชรก็มีที่เที่ยวเย็นๆ ด้วย นั่นก็คือ “ช่องเย็น” ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ อำเภอคลองลาน จ.กำแพงเพชร หรืออยู่ที่ กม.93 บนถนนหมายเลข 1117 ถนนสายประวัติศาสตร์สมัยต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์  โดยถนนสายนี้ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ.2518  สร้างขึ้นเพื่อความมั่นคงในการปฏิบัติหน้าที่กวาดล้างผู้ก่อการร้ายคอม
มิวนิสต์ในไทย  ต่อมาสถานการณ์คลี่คลายลง จึงมีการพิจรณากันใหม่ถึงความจำเป็นเห็นว่าเป็นพื้นที่ต้นน้ำลำธารของลุ่มแม่น้ำปิงตอนล่าง และลุ่มแม่น้ำสะแกกรัง มีการบุกรุกทำลายป่าไม้สองข้างทางมาโดยตลอด ในปี พ.ศ.2529 จึงอพยพชาวไทยภูเขาและชาวไทยพื้นราบประมาณหกพันคนออกจากพื้นที่ต้นน้ำลำธาร ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อพ.ศ.2530 ให้ระงับการก่อสร้างเส้นทางไว้ที่ 28 กิโลเมตรสุดท้าย เนื่องจากตัดผ่านป่าอุดมสมบูรณ์ และไม่มีประโยชน์ในด้านความมั่นคง ต่อมาประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2530  ใช้ชื่อว่า อุทยานแห่งชาติแม่วงก์  ส่วนช่องเย็นอยู่ที่กิโลเมตร 93 ในเส้นทางนี้ ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ 28 กิโลเมตร และยังเป็นจุดสูงสุดของเส้นทาง คลองลาน-อุ้มผาง สูง 1,340 เมตร จากระดับน้ำทะเล

“ช่องเย็น” ถือเป็นจุดหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานประมาณ 28 กิโลเมตร เป็นจุดกางเต็นท์ที่เรียกได้ว่ามีอากาศหนาวเย็นตลอดปี แม้ในช่วงหน้าร้อนอุณหภูมิเฉลี่ย 20 องศา เนื่องจากบริเวณนี้เป็นช่องเขาที่มีลมพัดผ่านตลอดเวลา จึงเป็นที่มาของชื่อ “ช่องเย็น” ยังเป็นสถานที่ unseen ที่ห้ามพลาดอีกแห่ง นอกจากอากาศเย็นสบายแล้วช่องเย็นยังมีพันธุ์ไม้สำคัญอย่างเฟิร์น และกล้วยไม้ให้ชมด้วย ส่วนใครที่ชอบดูนกเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม บอกได้ว่าไม่ผิดหวัง เพราะช่องเย็นจัดเป็นแหล่งดูนกที่สำคัญที่สุดอีกแห่งหนึ่งในไทย  นอกจากนี้ หากจะไปเที่ยวอย่าลืมเตรียมอุปกรณ์กินอยู่ไปให้พร้อม โดยเฉพาะถุงใส่ขยะเพื่อนำไปทิ้งด้านล่าง  สำหรับเดือนเมษายน 2564 มีประกาศจากทางอุทยานฯ แม่วงก์  เนื่องสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด 19  ขอปิดเส้นทางเดินป่าโมโกจูก่อนกำหนดเดิมเป็นกรณีพิเศษ ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในรอบตั้งแต่วันที่12 มกราคม 2564 ทางอุทยานฯ แม่วงก์ ขอเลื่อนไปในทริปเดินป่าช่วงสิ้นปีนี้

พลาดไม่ได้อีกแห่งที่น่าไปเยือนยามหน้าร้อน “น้ำตกผาแตก” น้ำตกขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณผืนป่าชายแดนตะวันตก ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกที่ลงเล่นน้ำได้เพราะมีน้ำไหลตลอดทั้งปี อากาศสดชื่นเย็นสบาย สายชอบเดินป่าไม่น่าพลาดอย่างยิ่ง น้ำตกแห่งนี้เพิ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเปิดใหม่มาเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว มี 7 ชั้น เกือบทุกชั้นมีแอ่งน้ำ สามารถลงเล่นน้ำได้ การเดินทางไปยังน้ำตกเริ่มที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม นั่งรถโฟร์วิลล์ของอุทยานฯ ไป ระยะทางจากที่ทำการอุทยานฯ ไปถึงจุดเริ่มเดินที่หมู่บ้านทิพุเย ประมาณ 9 กิโลเมตร และเดินเท้าเข้าป่าไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร จะถึงบริเวณที่ตั้งแคมป์ ทางเดินเท้าเป็นทางราบ สภาพเป็นป่าไผ่ และบางช่วงมีสะพานไม้ไผ่ที่ทางเจ้าหน้าสร้างไว้ให้เดินข้ามลำธาร บริเวณที่กางเต๊นท์จะอยู่ใกล้ๆ กับน้ำตก สามารถเดินไปเล่นน้ำได้ อาจจะไปยากหน่อยตรงที่อุทยานฯ จำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ถ้าจะไปต้องจองเท่านั้น ติดต่อสอบถามได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม โทร. 034-510431 และ 089-228-7612

คราวนี้มาลงใต้กัน “โตนเพชร กรีนเนอรี่ การ์เด้น” จังหวัดระนอง ต้องบอกว่า “ระนอง” เป็นจังหวัดที่กำลังฮิตติดลมบนในหน้าร้อน และยังเป็นเมืองที่น่ารักและน่าเที่ยวอีกด้วย คนที่ชอบบรรยากาศเงียบสงบ ต้องการหนีจากความวุ่นวาย หรือต้องการไปชาร์ตแบตเติมพลังให้ชีวิต นอนฟังเสียงน้ำไหลในลำธาร ที่นี่เลย…”โตนเพชร กรีนเนอรี่ การ์เด้นท์ ” อยู่ในซอยน้ำตกโตนเพชร ห่างจากสนามบินใช้เวลาเดินทาง 15 นาที เป็นที่พักกลางสวนปาล์มแบบเงียบสงบจริงๆ ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่จึงมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี เช้ามาอยากลงเล่นน้ำสามารถลงจากบ้านพักได้เลย หรือเอาเท้าแช่น้ำเย็นๆ ก็ดีไม่น้อย น้ำที่ไหลผ่านหน้าบ้านพักมาจากต้นน้ำ-น้ำตกโตนเพชร ที่พักแห่งนี้เน้นการอยู่กับธรรมชาติ ไม่วุ่นวาย ในห้องพักจึงไม่มีแอร์และทีวี ใครอยากสโลว์ไลฟ์ที่นี่นับว่าเหมาะมาก ดังนั้น ห้องพักจึงมีหลายแบบหลายสไตล์ให้เลือกตรงกับความต้องการ ทั้งแบบเป็นหลังๆ แบบเต๊นท์ และแบบกระโจม  ใครหนีร้อนไประนองแวะไปสัมผัสแล้วอย่าลืมนำมาเล่าสู่กันฟังบ้าง

ใครชอบไหว้พระทำบุญหน้าร้อนๆ อย่างนี้ ชวนเข้าถ้ำกันดีกว่า อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลแค่จังหวัดสุพรรณบุรีแค่ร้อยกิโลเมตรเศษ  “ถ้ำเวฬุวัน” ที่วัดวังคัน อำเภอด่านช้าง นอกจากได้ทำบุญแล้วยังได้พักผ่อนชมความสวยงามของธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน วัดแห่งนี้อยู่ห่างจากอำเภอด่านช้างประมาณ 14 กิโลเมตร  ใช้ทางหลวงหมายเลข 333 กิโลเมตร ที่ 77  ห่างจากทางเข้าอุทยานแห่งชาติพุเตยประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีความสวยงามผสมกลมกลืนกับธรรมชาติน่าแวะชม  ภายในวัดมีถ้ำขนาดกลาง มีทางเดินขึ้นระยะทางประมาณ 100 เมตรไปจนถึงปากถ้ำ  ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ให้กราบไหว้  ความงามภายในถ้ำมาจากหินงอก หินย้อยเป็นชั้นๆ ลดหลั่นสวยงามตามธรรมชาติ  ด้านนอกถ้ำทางวัดปลูกป่าไผ่ให้ความร่มรื่น มีไผ่พันธุ์ต่างๆกว่า 10 สายพันธุ์ ให้คนที่สนใจศึกษาเรื่องของไผ่ได้เรียนรู้และเห็นของจริง