เห็นหลายคนเริ่มเตรียมตัวออกเดินทางเที่ยวกันแล้วหลังจากอัดอั้นมาหลายเดือน ยิ่งเข้าช่วงฤดูหนาว วิวสวย อากาศสด และได้แต่งตัวในลุคเหมือนอยู่ต่างประเทศ เป็นมุมมองแปลกใหม่ที่โดนใจสุดๆ
ช่วงเวลาอย่างนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าเดินทางขึ้นเหนือเพื่อตามล่าอากาศหนาว ซึ่งกลายเป็นฤดูกาลที่หายากของเมืองไทยไปเสียแล้ว
ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดหมอกสามฤดู ผู้คนดี ประเพณีงาม กลายเป็นจุดหมายปลายทางของใครหลายคน ซึ่ง ณ หมู่ 4 ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสถานที่หนึ่งอากาศบริสุทธิ์ สดชื่น สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี คือ “บ้านจ่าโบ่” ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งหุบเขาและสายหมอก
“บ้านจ่าโบ่” เป็นชุมชนเล็กๆ ค่อนข้างเงียบสงบ มีประชากรทั้งหมู่บ้านไม่น่าเกิน 500 คน ร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นชาวลาหู่ หรือ มูเซอ ชาวเขาเผ่าหนึ่งที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย ชุมชนแห่งนี้อพยพย้ายมาจากบ้านแม่ห้วยยี ป่าโหล และปุงยามบางส่วน นำโดยนายจ่าโบ่ ไพรเนติธรรม มาตั้งเป็นหมู่บ้านอยู่บริเวณห้วยยาว (ชาวบ้านเรียกป่าลุกข้าวหลาม) ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของชุมชนปัจจุบัน ต่อมาประมาณปี พ.ศ. 2541 จึงตั้งเป็นชุมชนชื่อว่า “บ้านจ่าโบ่” ตามชื่อผู้นำ ปัจจุบันชาวบ้านยังคงใช้ภาษาและเครื่องแต่งกายแบบลาหู่ ส่วนใหญ่มีอาชีพทำไร่ เลี้ยงสัตว์ รองลงมาคือเก็บของป่าขาย และรับจ้างทั่วไป
ชาวลาหู่หรือมูเซอในอดีตไม่มีการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนเป็นหลักแหล่ง มักอาศัยอยู่บนภูเขาสูง ไม่ชอบอยู่บนที่ราบเพราะชาวลาหู่มีความเชื่อว่าการอยู่บริเวณที่ราบใกล้แหล่งน้ำจะมีไข้มาลาเรียชุกชุม ประกอบกับไม่มีความชำนาญในการทำนา แต่มีความสามารถในการทำไร่ ปัจจุบันลาหู่กระจายอยู่ใน 7 จังหวัดของไทย ได้แก่ เชียงราย (อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน อำเภอเชียงของ อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่สรวย) เชียงใหม่ (อำเภอฝาง อำเภออมก๋อย) แม่ฮ่องสอน (อำเภอบางมะผ้า) ตาก (แม่สอด) ลำปาง (อำเภอเมืองปาน) พะเยา กำแพงเพชร และเพชรบูรณ์
สำหรับบ้านจ่าโบเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ใครที่ไปเยือนมักจะพักโฮมสเตย์ ซึ่งมีมากพอสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชนเผ่า แต่ถ้าไม่อยากนอนบ้านก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศไปนอนพักที่ลานกางเต็นท์จ่าทอ จุดนี้เรียกได้ว่าเป็นที่พักที่อยู่สูงที่สุดในหมู่บ้าน บริเวณรอบๆ ลานกางเต็นท์ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งไฟฟ้า เครื่องทำน้ำอุ่น และร้านอาหาร
จากบ้านจ่าโบ่ สามารถเดินทางไปในย่านใกล้เคียง เช่น “ถ้ำผีแมน” ที่ใช้เลี้ยงผีประจำหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางหมู่บ้านระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ถ้ำผีแมนอยู่บนหน้าผาสูงชัน ต้องปีนป่ายขึ้นไปตามแนวโขดหินและบันไดไม้ ผู้ที่ชื่นชอบความท้าทายรับรองไม่ผิดหวัง เมื่อเข้าไปภายในถ้ำจะเห็นโลงศพสมัยโบราณยุคก่อนประวัติศาสตร์วางเรียงรายกับพื้น บางโลงตั้งอยู่บนเสาไม้สูง ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยให้ชมอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมี “ถ้ำน้ำบ่อศักดิ์สิทธิ์ “ อยู่ห่างจากตัวหมู่บ้านไป 1 กิโลเมตรเช่นกัน เส้นทางลัดเลาะไปตามไหล่เขา วิวสวยงาม จุดเด่นภายในถ้ำน้ำบ่อศักดิ์สิทธิ์จะเป็นแอ่งหินที่มีน้ำซึมออกมาตลอดเวลา ไม่มีแห้ง ที่นี่ยังมีจุดชมวิวซึ่งอยู่เลยถ้ำน้ำบ่อศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปอีก จากจุดชมวิวสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาหินปูนที่ขึ้นสลับซับซ้อนจนสุดสายตา แต่ถ้าใครอยากซึมซับประเพณีวิถีชีวิตของชาวลาหู่ ก็ต้องไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมของทุกปี ช่วงเวลานี้ชาวลาหู่เรียกว่า “เทศกาลกินวอ” หรือก็คือการเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ของชาวลาหู่นั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เทศกาลกินวอนี้ไม่สามารถกำหนดวันที่แน่นอนในแต่ละปี เพราะ “แก่มู” หรือ “หมอผี” ประจำหมู่บ้านจะเป็นผู้ดูฤกษ์ยามวันเวลาที่เหมาะสมแล้วกำหนดออกมา ประเพณีกินวอปีใหม่ของชาวลาหู่นี้จัดกันถึง 7 วัน 7 คืน
รู้จักกับบ้านจ่าโบ่กันแล้ว เตรียมตัวออกเดินทาง สตาร์ทจากอำเภอปายมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางหลัก 1095 มุ่งหน้าไปแม่ฮ่องสอน เลี้ยวซ้ายเข้าถนน 1226 ขับไปอีก 4 กิโลเมตร รวมระยะทางจากอำเภอปาย ประมาณ 55 กิโลเมตร
อัพเดตเรื่องราวทัวร์ศิลปวัฒนธรรม ได้ที่ เพจเฟซบุ๊กทัวร์มติชนอคาเดมี