สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม พุทธศักราช 2560 ที่ผ่านมา ประกอบด้วยนิทรรศการสองส่วน ได้แก่
นิทรรศการ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์” นำเสนอพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งทรงธรรม และนิทรรศการพระเมรุมาศพิมานนฤมิต ซึ่งนำเสนอรายละเอียดและขั้นตอนงานศิลปกรรมการจัดสร้างพระเมรุมาศและสิ่งประกอบพระราชพิธีโดยละเอียด มีประชาชนจากทั่วประเทศเข้าชมนิทรรศการทั้งสองส่วน ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2560 ราว 4 ล้านคน แต่ยังมีประชาชนจำนวนมากพลาดโอกาสในการเข้าชมนิทรรศการสำคัญนี้
เมื่อจบนิทรรศการ ณ ท้องสนามหลวงแล้ว กรมศิลปากรได้มอบบอร์ดนิทรรศการ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์” ทั้งชุด ซึ่งเคยจัดแสดง ณ พระที่นั่งทรงธรรม ให้กับกรมแพทย์ทหารบกและมูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไท นำมาจัดแสดง ณ บริเวณโถงพระที่นั่งพิมานจักรี พระราชวังพญาไท เพื่อให้สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ประกอบกับนิทรรศการนี้ยังมีพื้นที่ติดกับโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานกำเนิดเป็นสถาบันผลิตแพทย์ทหารแห่งเดียวในประเทศไทย และเคยเสด็จพระราชดำเนินหลายครั้ง ตามพระราชภารกิจต่างๆ ด้วย นับเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา ประชาชนได้ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
นิทรรศการ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์ ณ พระราชวังพญาไท ” ประกอบด้วยเนื้อหา สื่อมัลติมีเดีย และสิ่งของจัดแสดงบางส่วน แบ่งออกเป็น 5 โซน คือ
โซนที่ 1 เมื่อเสด็จอวตาร
แสดงพระราชประวัติ พระราชจริยาวัตร ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องด้วยวังสระปทุมซึ่งเป็นที่ประทับแห่งแรกในประเทศไทย หลังจากโดยเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนกและสมเด็จพระบรมราชชนนีจากสหรัฐอเมริกานิวัตประเทศไทยตั้งแต่พระชนมพรรษา 1 พรรษา ทรงได้รับการอภิบาลจากสมเด็จพระบรมราชชนนีและสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทั้งด้านการศึกษาและอบรมให้มีพระอุปนิสัยและพระราชจริยาวัตรอันงดงาม ตราบเมื่อทรงเจริญพระชนมพรรษาและทรงครองสิริราชสมบัติ จึงทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ประเสริฐ
โซนที่ 2 รัชกาลที่ร่มเย็น
นำเสนอเรื่องราว “อุปกรณ์ทรงงาน” ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ใช้ในการพัฒนาประเทศ ซึ่งมิได้หมายถึงเพียง กล้องถ่ายรูป อุปกรณ์ยุคแรกทรงงาน แผนที่ ซึ่งเป็นภาพแทนแผ่นดินไทย ดินสอ ที่ทรงใช้ระบุพิกัดโครงการในพระราชดำริ เพื่อช่วยเหลือราษฎรยามฉุกเฉินเท่านั้น หากยังหมายรวมถึง พระราชพาหนะ ที่นำพาเสด็จพระราชดำเนินไปในถิ่นทุรกันดาร เครื่องใช้ในพระราชพิธี ซึ่งเป็นมรดกแผ่นดินที่แสดงเอกลักษณ์ชาติ ตลอดจนการเตรียมพระวรกาย และเตรียมพระราชหฤทัย ด้วยการฝึกพระสติที่ประกอบด้วยธรรม อันเป็นฐานแห่งความสำเร็จในการทรงงานตลอดรัชสมัยอันรุ่งเรือง
โซนที่ 3 เพ็ญพระราชธรรม
นำเสนอเรื่องราวของธรรมมิกมหาราชาผู้ทรงครองแผ่นดินด้วยทศพิธราชธรรม เพื่อยังประโยชน์สุขแก่พสกนิกรผู้อาศัยใต้ร่มพระบารมี การที่ ทรงพระผนวช โดยพระราชศรัทธาปสาทะในพระพุทธศาสนา การที่ทรงเป็นพุทธมามกะด้วยความเลื่อมใส ทั้งได้ทรงออกแบบสร้าง พระพุทธนวราชบพิตร พระราชทานเป็นขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชบริพาร ทหาร ตำรวจ ผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อแผ่นดิน และการที่ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก ศาสนาหลักในประเทศไทยตามที่รัฐธรรมนูญรับรอง ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาซิกข์ และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ทั้งหลายเหล่านี้ มีผลให้แผ่นดินไทยสงบร่มเย็นมายาวนานตลอด 70 ปี
โซนที่ 4 นำพระราชไมตรี
นำเสนอการทรงงานด้านการต่างประเทศของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 นับตั้งแต่ พ.ศ. 2502 (เสด็จเยือนเวียดนาม) และประเทศในเอเชีย จากนั้นจึงมีการเสด็จพระราชดำเนินเยือนสหรัฐอเมริกา ต่อด้วยนานาประเทศในทวีปยุโรป และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศ จนถึงครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินเปิดสะพานข้ามแม่น้ำโขง หนองคาย-เวียงจันทน์ (พ.ศ. 2537) ผลจากการเสด็จพระราชดำเนินเยือน นอกจากนำมาซึ่งสัมพันธไมตรีที่ดีกับมิตรประเทศ ก่อให้เกิดความร่วมมืออีกมากมาย
หลักการในการพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ เป็นที่ประจักษ์ไม่เพียงแต่ในหมู่ประชาชนชาวไทย แต่ยังเป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก สถาบันและองค์กรต่างประเทศได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลสดุดีพระเกียรติคุณมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการน้อมนำศาสตร์ของพระราชา รวมถึงหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย ซึ่งได้มีการน้อมนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ รวมถึงโครงการต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน และส่วนบุคคล อันเป็นการขจัดความยากจน สร้างอาชีพ ลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วยการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ครบ 4 มิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม อันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งเป็นพันธกิจร่วมกันของทุกประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน
โซนที่ 5 พระจักรีนิวัตฟ้า
ประมวลภาพหลังจากการประกาศของสำนักพระราชวัง โดยประชาชนชุดดำนับหมื่นนับแสนหลั่งไหลเพื่อให้ได้เฝ้าส่งเสด็จขบวนพระบรมศพ จากโรงพยาบาลศิริราชมายังพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งภาพประชาชนจากทั่วประเทศเดินทางมากราบถวายบังคมพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระประมุข และผู้นำประเทศต่างๆ ต่างร่วมรับรู้ความรู้สึกสูญเสียบุคคลสำคัญของโลก โดยมีพระราชสาส์น สาส์น และแถลงการณ์แสดงความอาลัย มายังพระบรมวงศานุวงศ์และประชาชนชาวไทยโดยทั่วกัน
นิทรรศการ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์ ณ พระราชวังพญาไท” เป็นนิทรรศการ 2 ภาษา (ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) มีการจัดทำข้อมูลดิจิทัลที่ได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดซึ่งสามารถเข้าถึงและดาวน์โหลดข้อมูลได้ด้วยรหัส QR Code ที่ปรากฏอยู่ตามบริเวณต่างๆ ภายในบริเวณนิทรรศการ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการผู้นำชมนิทรรศการขอความกรุณานัดหมายล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 สัปดาห์ก่อนวันเข้าชม กรุณาแต่งกายสุภาพ
ทั้งนี้ คณะกรรมการอำนวยการจัดนิทรรศการฯ ได้จัดเตรียมเเผ่นพับนำชมนิทรรศการ “พระผู้ทรงเป็นนิรันดร์ ณ พระราชวังพญาไท” พร้อมแผ่นพับและโปสการ์ดภาพถ่ายที่ระลึกจากงานนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และโปสการ์ดพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งมีพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับประชาชนที่เข้าชมนิทรรศการฯ ครั้งนี้ด้วย