การได้ขึ้น “บอลลูน” ไปสัมผัสอากาศบนท้องฟ้า มองเห็นวิวเบื้องล่างในมุมมองแบบ Bird Eyes View หรือถึงแม้จะไม่ได้ขึ้น การยืนอยู่บนพื้นดินแล้วได้ชมบอลลูนลอยล่องบนท้องฟ้าก็ถือเป็นอีกความสุขหนึ่งให้ผู้ชมได้
หลายคนอาจจะเคยเห็นภาพผ่านหูผ่านตามาบ้างว่าสถานที่ดูบอลลูนสวยๆ อยู่ที่คัปปาโดเกีย ประเทศตุรกี หรือใกล้บ้านเราหน่อยก็พุกาม ประเทศเมียนมา แต่ใครว่าจะดูบอลลูนต้องไปไกลถึงเมืองนอก เมื่อในประเทศไทยเองก็มีงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติอย่าง “สิงห์ ปาร์ค เชียงราย อินเตอร์เนชั่นแนล บอลลูน เฟียสต้า 2018” งานส่งบอลลูนประดับน่านฟ้าเชียงรายที่หลายคนรอคอย ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14-18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
งานนี้ “มติชน อคาเดมี” ก็ไม่พลาด ขอพาทุกคนไปสัมผัสบรรยากาศเทศกาลบอลลูนนานาชาติกันบ้างว่าจะสนุกประทับใจขนาดไหน
เริ่มตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ อย่างที่ทุกคนทราบดีว่าเป็นวันวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก กิจกรรมเลยเริ่มที่อะไรหวานๆ แหววๆ ชนิดที่คนโสดอิจฉา นั่นคือกิจกรรม “บอลลูนเลิฟ บอกรักบนฟ้า” พาคู่รักข้าวใหม่ปลามันมาจดทะเบียนสมรส จากนั้นคู่บ่าวสาวและคู่รักเราไม่เก่าเลยซึ่งเป็นคู่รักที่ครองรักกันมายาวนาน ขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของทัศนียภาพเมืองเชียงราย
ความพิเศษของปีนี้คือมีบอลลูนเข้าร่วมถึง 35 ลูก จาก 16 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกา 2.อิตาลี 3.ออสเตรเลีย 4.อังกฤษ 5.ยูเครน 6.ญี่ปุ่น 7.เยอรมนี 8.สวิตเซอร์แลนด์ 9.แคนาดา 10.เวียดนาม 11.ฝรั่งเศส 12.ลัตเวีย 13.เกาหลีใต้ 14.แอฟริกาใต้ 15.ฟิลิปปินส์ และ 16.ไทย ทำให้งานนี้กลายเป็นเทศกาลบอลลูนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว
ความตื่นเต้นของผู้ชมอย่างเราคือการได้เห็นทีมงานเจ้าของบอลลูนทั้ง 35 ลูก มาเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนฟ้าสาง คลี่บอลลูนออก เป่าลมเย็นเข้าบอลลูนจนพอง แล้วเปิดไฟเป่าลมร้อนเข้าไปให้ลูกบอลลูนยกตัวตั้งขึ้น ซึ่งการเซ็ตอัพทั้งหมดนี้ใช้เวลาราว 30 นาที แต่ละทีมต้องอาศัยผู้ช่วยจากฝั่งผู้จัดงานเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน เรียกว่าไม่ใช่งานง่ายเลยทีเดียว
จนเมื่อพิธีการจดทะเบียนสมรสเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาบอลลูนพาคู่รักขึ้นสู่ท้องฟ้าไปชมวิว แสงอ่อนๆ ของพระอาทิตย์ยามเช้าทำให้บรรยากาศการชมบอลลูนดูอบอุ่นหัวใจเข้าไปอีก
ส่งคู่รักไปสวีตบนท้องฟ้าแล้ว เป็นอันจบกิจกรรมช่วงเช้าของวาเลนไทน์ แต่ความสวยงามของบอลลูนไม่ได้มีแค่นี้นะ เพราะยังมีกิจกรรมในช่วงเย็นที่ขอบอกว่าสนุก ลุ้น และตื่นเต้นมาก! เนื่องจากเป็นกิจกรรมการแข่งบอลลูน ที่แต่ละทีมจะต้องมาแข่งกันเพื่อชิงรางวัล
บางคนยังสงสัยว่า เอ๊ะ! บอลลูนเขาแข่งกันอย่างไรนะ? เรื่องนี้ “เต๋า-สุทัศน์ ทั่งทอง” เจ้าหน้าที่สนับสนุนกิจกรรมพิเศษ บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด อธิบายว่า การแข่งขันจะให้แต่ละทีมนั่งบอลลูนไปทดสอบความแม่นยำที่ด่านต่างๆ คือ โยนห่วงให้ลงเสา, โยนผ้าให้ลงเป้าที่กำหนด, โยนวัตถุให้ลงถัง เป็นต้น ซึ่งแต่ละด่านจะมีความยากง่ายแตกต่างกัน และคะแนนก็แตกต่างกันไปด้วย ทีมที่ได้คะแนนสูงสุดก็จะเป็นผู้ชนะและได้เงินรางวัลไป
ฟังแล้วดูเหมือนง่าย แต่ความยากอยู่ที่บอลลูนนั้นสามารถบังคับได้เพียงความสูง-ต่ำ เท่านั้น แต่ไม่สามารถบังคับทิศทางได้ เพราะทิศทางของบอลลูนจะขึ้นอยู่กับทิศทางลม ดังนั้นนอกจากจะอาศัยความแม่นยำ ความเก่งในการบังคับบอลลูนแล้ว เรียกได้ว่ายังต้องอาศัย “ดวง” อีกด้วย
เมื่อแต่ละทีมเซ็ตอัพบอลลูนเหมือนเมื่อช่วงเช้าเสร็จ เราจะได้เห็นทีมงานของแต่ละทีม ช่วยกันดึง ช่วยกันลาก พาบอลลูนและ “นักบิน” หรือคนขับบอลลูน ไปยังจุดที่ทิศทางลมพัดเข้าหาเป้าหมาย
แต่ละทีมก็บังคับบอลลูนกันไป ตรงเป้าบ้าง พลาดเป้าบ้าง ลงน้ำบ้าง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้มีใครซีเรียสกับผลคะแนน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน เราก็ยังเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากนักบินและลูกทีมของเขาเสมอ
ความสวยงามของการชมบอลลูนในวันนี้ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ แต่ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์หลังพระอาทิตย์ตกดินนั่นคือการโชว์แสงสีสุดตระการตาใน Balloon Magic Night Glow ที่แต่ละทีมจะมาเปิดไฟของบอลลูนไปตามจังหวะเสียงเพลง สร้างความตื่นเต้น สนุกสนาน มีมุมสวยๆ ให้เก็บเป็นที่ระลึกเพียบ
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการท่องเที่ยวสนุกๆ สามารถมาได้ทั้งกับคนในครอบครัว เพื่อน หรือกับคู่รัก ที่มาแล้วสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม…