‘ธ.กรุงเทพฯ’มอบหนังสือห้องสมุด ปี’14
“ขณะนี้กระแสโลกร้อนกำลังเป็นประเด็น การให้เด็กๆเข้าใจเรื่องรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมีความสำคัญ ถ้าอยากจะพลิกฟื้นป่า พลิกฟื้นธรรมชาติให้กลับคืนมาให้ประเทศไทยสมกับเป็นแผ่นดินทองที่เราเรียกกันว่าสุวรรณภูมิ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ปัจจุบัน ในน้ำไม่ค่อยมีปลา ในนาไม่ค่อยมีข้าว มีแต่หนี้ ถ้าเยาวชนของเรามีความเป็นสีเขียวอยู่ในใจ จะทำให้เขาเป็นกลไกสำคัญที่จะเอาชนะปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมได้”ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) กล่าวถึงการปลูกฝังเด็กและเยาวชนเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปัญหาโลกร้อน อันเป็นที่มาของโครงการมอบหนังสือ “ปลูกใจเยาวชนรักษ์ธรรมชาติ คืนชีวิตฟื้นสิ่งแวดล้อม” โดยร่วมมือกับสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น จัดโครงการมอบหนังสือเข้าห้องสมุดโรงเรียนที่ขาดแคลน 400 แห่ง กว่า 100,000 เล่ม รวมมูลค่า 8 ล้านบาท โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 14
โดย เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2566 ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ได้มอบป้ายสัญลักษณ์หนังสือให้กับห้องสมุดโรงเรียนจำนวน 400 แห่ง โดยมี พัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เป็นตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)เข้ารับมอบ
ร่วมด้วย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อาทร เตชะธาดา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น จำกัด พร้อมด้วยผู้แทนจากกระทรวงศึกษาธิการ ผู้บริหาร สพฐ. ครูและบรรณารักษ์จากโรงเรียนต่างๆ เข้าร่วมในพิธี ที่ห้องประชุมชั้น 30 ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ โดยมีการถ่ายทอดผ่านระบบ ZOOM และ LIVE เฟซบุ๊ก ทาง มติชนออนไลน์ ข่าวสดออนไลน์ มติชนอคาเดมี รวมถึง ช่องทางยูทูบมติชนอคาเดมี
นอกจากนี้ภายในงาน ยังมีแสดงชุด “สร้างเมล็ดพันธุ์ (เด็กน้อย) รักษ์ธรรมชาติ และ สิ่งแวดล้อม” โดย “เจ้าขุนทอง” รายการผู้บุกเบิกการเรียนการสอนภาษาไทยด้วยหุ่นมือรูปสัตว์ต่างๆ มาร่วมสร้างสีสันด้วย
สำหรับขบวนคาราวานหนังสือที่จะลำเลียงส่งมอบเข้าห้องสมุดในปีนี้ แบ่งเป็น 3 ชุด คือ 1. หนังสือนิทาน 2 ภาษา ไทย-อังกฤษ จำนวน 9 เรื่อง เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม น้ำ อากาศ สัตว์ พืช 2.หนังสือการ์ตูนชุด “เรียนคณิต คิดสนุก” จำนวน 5 เรื่อง เพื่อบ่มเพาะนิสัยรักวิชาคณิตศาสตร์ และ 3.หนังสืออ่านนอกเวลา จำนวน 25 เรื่อง อาทิ สารคดี ความรู้รอบตัว นวนิยายสั้น เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ชีวิต
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพฯให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมสร้างคุณค่าให้กับสังคมมาตลอด โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการพัฒนาด้านการศึกษา เราเชื่อมั่นว่าการให้ความรู้ คือการให้ที่ยั่งยืนที่สุด โครงการมอบหนังสือเข้าห้องสมุดให้โรงเรียนที่ขาดแคลนจึงเป็นจุดประสงค์หนึ่งที่ธนาคารมีเจตนารมณ์สนับสนุนให้สังคมและเยาวชนของเราเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน การอ่านหนังสือมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง พัฒนาความจำ ให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด มีสมาธิ มีทักษะในการสื่อสารที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาการเรียนรู้ และการใช้ชีวิตประจำวัน ช่วยให้สามารถฝึกฝนทักษะและการคิดเชิงวิเคราะห์ และเสริมสร้างจินตนาการได้ เป็นประโยชน์กับเด็กๆวัยกำลังศึกษาเล่าเรียนอย่างยิ่ง
“ประสบการณ์เรื่องการอ่านของผม พอได้ยินว่าจะมามอบหนังสือวันนี้ ผมดีใจอย่างยิ่ง หนังสือที่จุดประกายให้ผมรักการอ่าน คือ ผู้ชนะสิบทิศ อ่านตั้งแต่อยู่ป.4 เจอในตู้หนังสือของคุณพ่อ อ่านแล้วชอบเลย จากนั้นก็อ่านหนังสือจีนกำลังภายในเล่มเล็กๆของคุณพ่อ เป็นของสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น แต่ก่อนเล่มละ 3 บาท จะเห็นได้ว่าพ่อแม่มีอิทธิพลให้เด็กรักการอ่าน เขาบอกกันว่าบ้านไหนมีหนังสือเยอะ เด็กจะชอบการอ่านหนังสือ
“พอมาเรียนที่กรุงเทพฯ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ จำได้ว่าห้องสมุดกับผมคือเพื่อนกัน ผมไปห้องสมุดทุกวัน อ่านวันละ 2-3 เล่ม ตอนแรกๆเริ่มจาก หนังสือเรื่องโรงงานช็อคโกแล็ตมหัศจรรย์ เรื่องใต้ทะเล 20,000 โยชน์ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วมีความสุขใจ และหลังจากอ่านหนังสือทุกเล่มจบ ก็เริ่มไปสู่หนังสือห้วงรัก – เหวลึก ของ พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ นวนิยายเรื่องผู้ดีของดอกไม้สด หนังสือของ ว.ณ ประมวญมารค และหนังสือของ ทมยันตี หนังสือเกี่ยวกับนวนิยายจีนกำลังภายในผมอ่านจนหมดห้องสมุด จากนั้นก็มาถึงหนังสือธรรมะ ส่วนสามก๊กอ่าน 2 รอบแล้ว
“รวมถึงประพันธ์สาส์นเป็นสำนักพิมพ์ที่ผมรักชอบส่วนตัว ป.อินทรปาลิต กับ พล นิกร กิมหงวน ผมชอบอย่างยิ่ง อ่านแล้วหัวเราะตลอดเวลา และที่ชอบอีกคนคือนามปากกา ว.ณ เมืองลุง เป็นอีกเล่มที่รู้จักประพันธ์สาส์นตั้งแต่เด็ก เช่าจากร้านหนังสือมาอ่าน จนติดนวนิยายกำลังภายใน ตอนนั้นคุณแม่บอกว่าถ้าผมอ่านหนังสือเรียนเหมือนกับอ่านนวนิยายกำลังภายในต้องเก่งแน่ๆเลย”ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล แชร์ประสบการณ์การอ่าน
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กล่าวต่อว่า ศาสนาพุทธบอกว่า ไม่มีสิ่งไหนดีเท่ากับการให้ปัญญาแก่คน เด็กได้ความรู้ ประเทืองปัญญา ได้เห็นโลกใบใหม่ ธนาคารกรุงเทพฯจึงดำเนินโครงการมอบหนังสือเข้าห้องสมุดร่วมกับสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์นมาต่อเนื่องถึง 13 ปี มีโรงเรียนและห้องสมุดได้รับหนังสือไปแล้ว 7,181 แห่งทั่วประเทศ ปีนี้เป็นปีที่ 14 ธนาคารกรุงเทพฯมีความยินดีอย่างยิ่งที่จะมอบหนังสือชุดปลูกใจเยาวชนรักษ์ธรรมชาติ คืนชีวิตฟื้นสิ่งแวดล้อม ด้วยความมุ่งหวังว่าผู้รับ นักเรียน บุคลากร องค์กร ชุมชน สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน เราเชื่อว่าความรู้และภูมิปัญญาเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ที่แบ่งปันกันได้อย่างไม่จำกัด และเจริญงอกงามต่อไปได้ในอนาคตไม่มีที่สิ้นสุด ธนาคารกรุงเทพฯขอส่งต่อภารกิจในช่วงต่อไปให้กับคุณครู อาจารย์ บรรณารักษ์ และผู้บริหารทุกท่าน ช่วยกันสานต่อส่งเสริมสร้างสรรค์และผูกนิสัยรักการอ่านของเยาวชนให้เติบโตเป็นกำลังของชาติในอนาคตต่อไป นอกจากนี้ในอนาคตเราอยากจะทำหนังสือให้เป็นแอนิเมชั่นและอีบุ๊ค เพื่อให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป เพราะโลกกำลังเปลี่ยนไป
ด้าน พัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการ กพฐ. ตัวแทนผู้รับมอบ กล่าวขอบคุณธนาคารกรุงเทพฯและสำนักพิมพ์ประพันธ์สาส์น ว่า การพัฒนาคุณภาพเด็กและเยาวชนเป็นเป้าหมายสูงสุดของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน การลดความเหลื่อมล้ำการศึกษา การเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ สามารถรองรับความหลากหลายของการศึกษา และตอบโจทย์การพัฒนาของโลกได้เป็นอย่างดียิ่ง นำไปสู่การพัฒนาการศึกษาของเยาวชน เปลี่ยนห้องเรียนเป็นห้องเรียนรู้ เพิ่มห้องเรียนรู้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่า เพื่อให้เด็กเข้าถึงความรู้แบบมีความหมาย ได้คิด ได้ทำและทำเป็น เห็นคุณค่าของสิ่งรอบตัว ที่เป็นประโยชน์อย่างยั่งยืน หัวใจของการเรียนรู้ วัตถุประสงค์การเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ การประเมินการพัฒนาการเรียนรู้ เป็นการเสริมสร้างคุณภาพการเรียนรู้ของเยาวชนให้เกิดการเรียนรู้ในเชิงลึก คือ รู้จริง รู้ชัด สามารถนำความรู้ ความคิด ทักษะ ไปใช้ต่อยอดและทำประโยชน์ในส่วนรวมต่อไป
“หนังสือที่ได้รับมอบเกี่ยวกับ รักษ์โลก รักษ์ธรรมชาติ รักษ์สิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์โลกยุคปัจจุบัน อย่าลืมว่าวันนี้เราต้องยอมรับว่าโลกใบนี้มนุษย์ได้ทำลายสิ่งแวดล้อมไปเยอะ มีแต่ใช้ประโยชน์ แต่ไม่เคยสร้าง ปลูก ไม่เคยทำสิ่งทดแทนขึ้นเลย วันนี้เราจะทำยังไงให้อยู่กับธรรมชาติได้ดี ขณะเดียวกันเราต้องดูแลปรับปรุงปลูกใหม่ สร้างขึ้นใหม่ เพื่อให้อยู่กับเราและรุ่นลูกหลานต่อไป
“หนังสือที่ได้มา เมื่อเด็กรักการอ่าน โตไปเขาก็อยากจะปฏิบัติในสิ่งที่เขาอ่าน เช่น ปลูกต้นไม้แล้วจะลดโลกร้อนยังไงให้ความร่มเย็น” รองเลขาธิการ กพฐ. ระบุ
ด้านเสียงของคณะครูและอาจารย์ตัวแทนโรงเรียนในสังกัด สพฐ. บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าหนังสือปลูกใจเยาวชนรักษ์ธรรมชาติฯที่ได้รับมอบในครั้งนี้ ดีมากๆ เข้ากับสถานการณ์โลกร้อนที่เด็กๆกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และการรักษ์สิ่งแวดล้อมจะทำให้เด็กๆมีจิตสำนึกเรื่องการลดโลกร้อน
กฤษณา ช้างน้อย รักษาการ ผอ.โรงเรียนบ้านคลองตัน จ.สมุทรสาคร กล่าวว่า หนังสือที่ปลูกฝังให้เด็กรักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นหนังสือที่ดีมาก หนังสือเข้ามาเปิดโลกให้เขา
“ปัจจุบันทั้งภาวะโลกร้อน ฝุ่น มลภาวะค่อนข้างเยอะมาก การปลูกฝังเด็กเรื่องสิ่งแวดล้อมจะช่วยให้ภาวะโลกร้อนในอนาคตลดลงได้ เพราะภาวะโลกร้อนเกิดจากสิ่งแวดล้อมโดนทำลาย ถ้าเราช่วยกันปลูกฝังพื้นที่สีเขียว จะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น มีโลกสีเขียว เรื่องมลพิษจะลดน้อยลง”
ด้าน เพ็ญนภา กรวยทอง ผอ.โรงเรียนวัดโบสถ์ (บวรธรรมกิจวิทยา) จ.ปทุมธานี กล่าวว่า หนังสือที่ได้รับมอบ จะเป็นสื่อห้องสมุดที่ครูสามารถปลูกฝังให้นักเรียนรักสิ่งแวดล้อม สร้างจิตสำนึกให้เด็ก ถ้ามีการขับเคลื่อนร่วมกันระหว่างครู นักเรียน และมีเครื่องมือที่จะชี้ให้นักเรียนได้เห็นได้อ่าน จะทำให้เด็กมีความรู้ยั่งยืนและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ทั้งต่อชุมชน ต่อตัวนักเรียน และมีความรับผิดชอบต่อโลกของเรา
“ปัญหาฝุ่น และโลกร้อน เกิดจากมนุษย์สร้างขึ้นมา การเผาทำลายป่าไม้ ท่อไอเสียจากยานพาหนะ ทำให้เกิดฝุ่น สิ่งที่กระทบตามมา คือทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากทางเดินหายใจ หนังสือที่ธนาคารกรุงเทพฯมอบให้เป็นโครงการที่ดี ให้โรงเรียนได้มีโอกาสมีสื่อที่ดีๆ ให้เด็กได้อ่าน เพราะทุกวันนี้เด็กจะไม่ชอบอ่านหนังสือ ถ้าเขาได้เจอหนังสือน่าสนใจ จะทำให้รักการอ่านมากขึ้น อยากให้โครงการอย่างนี้มีต่อไปเรื่อยๆ เพราะบางทีโรงเรียนเล็กๆไม่มีงบประมาณมากมายในการจัดซื้อหนังสือดีๆเข้าห้องสมุด”
ส่วน จุฑาทิพย์ ทิพวารี ครูโรงเรียนวัดมูลเหล็ก คลอง 6 จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ดีมากๆที่ได้รับมอบหนังสือรักษ์ธรรมชาติ รักษ์สิ่งแวดล้อม ช่วยปลูกฝังเด็กนักเรียนเรื่องมลภาวะ ภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะหนังสือที่มีภาพประกอบ ดีมากสำหรับเด็กเล็ก ที่ยังอ่านหนังสือไม่คล่อง ภาพประกอบที่ช่วยบรรยายตัวหนังสือ ช่วยให้เด็กเข้าใจได้ดีขึ้น ส่วนหนังสือ 2 ภาษา ถ้าเด็กไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ คุณครูก็สามารถเสริมให้เด็กๆได้ อยากให้โครงการนี้มีต่อเนื่อง เพราะเป็นประโยชน์กับโรงเรียนและนักเรียน
