| ผู้เขียน | วัชรี ภูรักษา |
|---|---|
| เผยแพร่ | วันพฤหัสที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2560 |
เดี๋ยวนี้ การทำงานเพียงงานเดียว อาจจะไม่เพียงพอต่อรายจ่ายในแต่ละเดือนอีกแล้ว หรือรายรับอาจพอเพียงต่อรายจ่าย แต่ไม่เหลือเงินเก็บออม การหารายได้เพิ่มเติมจากการทำงานประจำที่ทำอยู่ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางการเพิ่มรายได้ และอาชีพเสริมได้เป็นอย่างดี
คุณภารดี สังขะวัฒนะ หรือ คุณไก๋ พนักงานประจำตำแหน่ง manager ซึ่งทำงานในตำแหน่งนี้มากว่า 3 ปีแล้ว เล่าถึงที่มาของร้านเบเกอรี่ของตนเองและพี่สาว ชื่อ “Bakery story” ซึ่งเป็นอาชีพเสริมของเธอให้ฟังว่า “ตอนนี้ก็ยังทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่ ที่มาเปิดร้านเบเกอรี่ได้ ก็เพราะมาจากความชอบในการทำเบเกอรี่ตั้งแต่เด็ก โดยได้พี่สาวมาหุ้นด้วย ซึ่งมีคอนเซ็ปต์ในการเปิดร้านเบเกอรี่คือ อยากทำเบเกอรี่เป็นแบบโฮมเมด ให้คนทานได้ทานของดีและอร่อย ตลอดระยะเวลา 2 ปี ที่เริ่มทำเบเกอรี่ขาย เราตั้งใจทำแบบไม่มีหน้าร้านมาตั้งแต่ต้น ให้เป็นการสั่งออร์เดอร์โดยตรง และเปิดเป็นหน้าร้านขายแบบออนไลน์ บนเฟซบุ๊ก”
โดยแบ่งหน้าที่กับพี่สาวว่า เธอจะทำหน้าที่เป็นคนหาลูกค้า รับออร์เดอร์ ด้านพี่สาวจะเป็นตัวหลักในการทำขนม ตามออร์เดอร์ของลูกค้า แต่ตัวเธอก็สามารถช่วยทำขนมได้บ้างในบางครั้ง เพราะการทำเบเกอรี่สำหรับคุณไก๋และพี่สาว มันคืองานที่สร้างความสุข เพราะมันคืองานศิลปะ ถึงแม้จะดึกดื่น คุณไก๋ บอกว่า สามารถทำออร์เดอร์ด่วนได้ พร้อมที่จะทำตาม
คุณไก๋ ขยายความเล่าเพิ่มเติมว่า “ที่บอกว่ารับทำตามออร์เดอร์ของลูกค้าได้ ก็เพราะว่าเบเกอรี่ที่ร้านเราทำเป็นแบบโฮมเมด สามารถทำตามรูปแบบที่ลูกค้าต้องการได้ง่าย อย่างเช่น เพื่อน ต้องการสั่งออร์เดอร์คัฟเค้ก เพื่อเอาไปเลี้ยงเด็กๆ ที่โรงเรียน เนื่องในวันเกิดของลูกสาว เราก็ทำให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตุ๊กตาน่ารัก หรือแบบอื่น ก็สามารถทำตามคอนเซ็ปต์ของลูกค้าได้
ซึ่งลูกค้าส่วนมากของร้านเบเกอรี่ จะเป็นคนรู้จัก เป็นเพื่อนๆ กัน ทั้งเพื่อนในออฟฟิศ เพื่อนข้างนอกออฟฟิศที่รู้จักจากการทำงาน เขาก็จะมาสั่งขนมจากที่ร้าน เพื่อเอาไปเป็นของฝาก ของขวัญสวัสดีปีใหม่ ซึ่งก็เต็มใจที่จะทำให้ ซึ่งตั้งแต่ที่ทำขนมขายมา ได้เรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติของการขายขนมอย่างหนึ่งว่า มันมีช่วงพีก ขายดี และช่วงที่ออร์เดอร์น้อยก็มี อย่างช่วงเทศกาลปีใหม่จะค่อนข้างขายดี โดยทางร้านสามารถจัดทำเป็นแพ็กเกจจิ้งสวยงามได้ พร้อมนำเอาไปเป็นของขวัญ ของฝากได้เลย หรือจะให้ทำเป็นการส่งขายให้กับลูกค้าเอาไปทำแพ็กเกจจิ้งใหม่ แล้วขายเองก็ได้”
ทางร้าน Bakery story มีผลิตภัณฑ์หลักคือ คุกกี้ ประมาณ 5-6 รสชาติ โดยมีจุดเด่นที่ความแตกต่างของคุกกี้ เพราะทำแบบโฮมเมด หน้าตาของคุกกี้จึงไม่ได้สวยงาม รูปร่างเท่ากันหมดเหมือนของโรงงาน และเน้นที่รสชาติอร่อย มัน ไม่หวานมาก
เค้ก ก็สามารถทำได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเค้กส้ม ชีทเค้ก เค้กชาเขียว เค้กวุ้นมะพร้าว เป็นต้น และขนมอีกชนิดหนึ่งที่อยากนำเสนอมากๆ คือ ขนมตัวหนอนไส้สับปะรด ซึ่งเป็นสูตรเฉพาะที่คิดขึ้นมากันเองกับพี่สาว ทำสูตรเอง เสียงตอบรับจากลูกค้าที่ได้ลองทาน ดีมาก ทุกคนชอบ ได้เสียงชมจากขนมตัวนี้ค่อนข้างเยอะ ถือว่าเป็นขนมที่น่าลอง คุณไก๋ บอก พร้อมกับย้ำว่า
“ทางร้านจะเน้นการทำขนมที่ไม่หวานมาก แต่เน้นที่ความหอม และทำให้อร่อย กลมกล่อม ด้วยเพราะรู้ว่าลูกค้าสมัยนี้ไม่ชอบหวาน และต้องการรักษาเรื่องของสุขภาพ รูปร่างเป็นสำคัญ ที่สำคัญคือ ทางร้านให้ความสำคัญกับการเลือกวัตถุดิบที่เอามาเป็นส่วนประกอบ หรือส่วนผสมในการทำขนมอย่างมาก เช่น การเลือกเนย ก็เลือกเนยของออร์คิดในการทำ
ส่วนตัวก็ยังทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่ และทำอาชีพเสริมนี้เป็นคู่ขนานกันไป ด้วยเพราะความชอบการทำขนมมากๆ เป็นอีกหนึ่งความสามารถที่เอามาต่อยอดเป็นรายได้เสริมได้ด้วย โดยใช้เวลาจากหลังเลิกงาน วันหยุดงาน เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ มาทำขนมขาย และเป็นลูกมือคอยช่วยพี่สาวในการทำขนม”
สำหรับรายได้ คุณไก๋ บอกว่า ไม่ได้เป็นรายได้ที่เยอะมาก แต่ก็ถือว่าเป็นรายได้เสริมที่ดีไม่น้อย อย่างช่วงเทศกาลที่ผ่านมา ก็มีรายได้จากการขายขนมเดือนละกว่า 10,000-20,000 บาท แต่พอหมดช่วงขายดีอย่างช่วงเทศกาล ก็ขายได้เรื่อยๆ
