ใกล้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ถือเป็นช่วงหน้าขายสำคัญสำหรับสินค้าหลายแบรนด์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือค่ายเบียร์ที่มักจะต้องหากลยุทธ์การตลาดมาใช้เพื่อกระตุ้นยอดขาย
นสพ.ประชาชาติธุรกิจ รายงานว่า ภาพการแข่งขันของตลาดเบียร์เริ่มกลับมามีความคึกคักมากขึ้น มีการใช้กลยุทธ์สาวเชียร์เบียร์ หรือพีจี (promotiongirl) ช่วยในการกระตุ้นและผลักดันยอดขาย โดยทั้งค่ายสิงห์และค่ายช้างได้ส่งสาวเชียร์เบียร์กระจายลงไปประจำร้านยี่ปั๊วซาปั๊ว ร้านตู้แช่ ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยจะมุ่งไปที่ย่านหอพัก อพาร์ตเมนต์ที่มีผู้คนอยู่หนาแน่น
ทั้งนี้ “ภูริต ภิรมย์ภักดี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ตลาดเบียร์มูลค่า 2 แสนล้านบาท ในปีที่ผ่านมาเติบโตเพียง 2-3% ขณะที่เบียร์สิงห์โตกว่า 20% จากการปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และปัจจุบันมาร์เก็ตแชร์รวมของเครือสิงห์อยู่ที่ 62% เพิ่มขึ้นจาก 59% ปีที่ผ่านมา ส่วนคู่แข่งมีมาร์เก็ตแชร์ลดลง อยู่ที่ 30% กว่า ๆ
ทั้งนี้ ภาพรวมของตลาดเบียร์ค่อนข้างนิ่งมาหลายปี แต่ในเซ็กเมนต์ซูเปอร์พรีเมี่ยม หรือกลุ่มคราฟต์เบียร์ และเบียร์นำเข้า มีเทรนด์การเติบโตค่อนข้างดี
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายหนึ่งกล่าวว่า การส่งเบียร์ตัวใหม่ที่มีดีกรีสูงถึง 6.5% น่าจะเป็นการแก้เกมและดึงฐานลูกค้าที่ชอบดีกรีแรง ๆ กลับมา เนื่องจากหลังจากที่เบียร์ช้างปรับภาพลักษณ์ใหม่เป็นขวดเขียว และลดปริมาณแอลกอฮอล์ลงเหลือ 5% ทำให้เสียฐานลูกค้ากลุ่มเดิมไป และมีลูกค้ากลุ่มหนึ่งสวิตช์ไปหาแบรนด์ของคู่แข่งที่มีแอลกอฮอล์ใกล้เคียงแทน แม้ว่าตาม พ.ร.บ.สรรพสามิตใหม่จะกำหนดให้เครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์สูงต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง แต่ค่ายช้างคุมราคาให้อยู่ที่ 53 บาท/กระป๋องได้ หากเทียบกับช้าง คลาสสิค ที่มีแอลกอฮอล์ 5% ราคา 50 บาท/กระป๋อง
“หากสังเกตจะเห็นได้ว่า หลังจากภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลบังคับใช้ แต่ราคาขายเบียร์ช้าง (ในช่องทางร้านสะดวกซื้อ) ยังไม่มีการปรับขึ้นราคาและยังตรึงขายราคาเดิมทุกเอสเคยู เช่น ขวดใหญ่ 620 มล. 56 บาท กระป๋องเล็ก 320 มล. 38 บาท กระป๋องใหญ่ 490 มล. 50 บาท ขณะที่คู่แข่งอย่างเบียร์ลีโอ หรือสิงห์ ปรับราคาทุกเอสเคยูขึ้นแล้ว เฉลี่ย 1-3 บาทต่อขวด/กระป๋อง” แหล่งข่าวกล่าว
ที่มา นสพ.ประชาชาติธุรกิจ