นายเจริญพร เจริญธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีแผนที่จะต่อเรือใหม่จำนวน 40 ลำ เพื่อนำมาวิ่งให้บริการทดแทนเรือเก่าที่กำลังจะทยอยปลดระวาง คาดว่าใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 1,120 ล้านบาท เนื่องจากเรือใหม่มีราคาเฉลี่ยคันละ 28 ล้านบาท แพงกว่าเรือปัจจุบันที่มีราคาเพียง 8 ล้านบาทเท่านั้น
โดยเรือชนิดใหม่นั้นทำมาจากวัสดุอลูมิเนียมน้ำหนักเบา กินน้ำมันน้อย โดยภายในตัวเรือจะมีการออกแบบตกแต่งเบาะที่นั่งที่ทันสมัย สะดวกสบาย และจะเป็นเรือที่มีการติดตั้งระบบปรับอากาศทุกลำ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร
“เราจะต่อเรือใหม่ 40 ลำ คาดว่าจะทยอยนำมาเปลี่ยนทดแทนเรือเก่าในระยะ 6-8 ปีต่อจากนี้ โดยตั้งเป้าว่าช่วงปี 2562 จะนำเรือใหม่จำนวน 6 ลำ เข้ามาเปิดให้บริการแฟสแรกได้ และจะทยอยปรับเปลี่ยนจนครบ 40 ลำภายใน 8 ปี ส่วนอัตราค่าโดยสารเรือชนิดใหม่นั้นจำเป็นต้องมีการปรับเพิ่มขึ้นแน่นอน เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่าย เพิ่มขึ้นทั้งตัวเรือ การติดตั้งระบบปรับอากาศในตัวเรือ”
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรือด่วนเจ้าพระยาได้จัดส่งข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับต้นทุนค่าใช้จ่ายของเรือชนิดใหม่ พร้อมทำหนังสือขอหารือไปยังกรมเจ้าท่า ขอให้พิจารณาคำนวนอัตราค่าโดยสารของเรือปรับอากาศใหม่ที่เหมาะสมด้วย เพื่อให้นำมาเป็นเกณฑ์ในการจัดเก็บค่าโดยสารในอนาคต
นายเจริญพรกล่าวต่อว่าปีนี้ เรือด่วนเจ้าพระยา ได้ดำเนินการปรับปรุงเส้นทางขึ้น-ลง เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการให้บริการเรือโดยสาร รวมทั้งพัฒนาท่าเรือเพื่อรองรับระบบตั๋วร่วมในอนาคต ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม
โดยแบ่งการปรับปรุงออกเป็น 3 ระยะ ระยะที่ 1 เดือน ก.พ.-มีค. 2561 จะจัดทำเส้นทางการขึ้น-ลงท่าเรือจำนวน 29 ท่าให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ระยะที่ 2 เดือน เม.ย.2561 จะทดลองนำพนักงานขายตั๋วในเรือธงเหลือง ขึ้นไปขายตั๋วบนท่าเรือตลอดวัน โดยในเรือจะไม่มีพนักงานขายตั๋วในเรือ และระยะที่ 3 ช่วงเดือน พ.ค.2561 หรือช่วงเปิดภาคเรียนซึ่งระบบการจัดการบนท่าจะแล้วเสร็จ บริษัทจะประกาศยกเลิกการขายตั๋วบนเรือสำหรับเรือธงเหลือง ธงเขียว ธงส้ม ยกเว้นเรือประจำทาง โดยจะขายตั๋วบนท่าเรืออย่างเดียวเท่านั้น
ที่มา ข่าวสดออนไลน์