หลายคนคงรู้จักและคุ้นชิ้น กับขนมเทียน ขนมไทยรูปทรงสามเหลี่ยมที่ใช้เป็นของไหว้วันตรุษจีนและสารทจีน แต่ถ้าพูดถึงขนมเทียนแก้วแล้วล่ะก็ คงสงสัยกันไม่น้อย ขนมชนิดนี้ดัดแปลงมาจากขนมเทียน รูปร่างสามเหลี่ยมคล้ายกัน ต่างกันตรงที่เปลี่ยนจากใช้แป้งข้าวเหนียวมาใช้แป้งถั่วเขียวแทน ทำให้เนื้อขนมใส และนุ่มกว่า
“ขนมเทียนแก้วแม่พูลศรี” ร้านขนมไทยเก่าแก่อยู่คู่จังหวัดมหาสารคามมายาวนานร่วม 17 ปี คุณไก่-ศิริวรรณ แก้วเขียว วัย 47 ปี ลูกสาวของแม่พูลศรี ผู้เป็นต้นตำรับ “ขนมเทียนแก้วแม่พูลศรี” เล่าให้ฟังว่า ร้านนี้เกิดจากความตั้งใจของคุณแม่พูลศรี และคุณพ่อศีลธรรม ที่อยากสร้างอาชีพหลังวัยเกษียณ เพราะอยากมีรายได้เสริม ด้วยชอบทานขนมเทียนแก้วอยู่แล้ว จึงเริ่มคิดค้นสูตรตั้งแต่ปี 2545 แต่สมัยนั้นอินเตอร์เน็ตยังไม่เข้าถึงจึงต้องค้นสูตรตามนิตยสาร ทำเสียบ้าง เททิ้งไปบ้าง ไม่นานก็ได้สูตรที่อร่อยลงตัว
หลังได้สูตรสำเร็จเป็นขนมทำวางขายหน้าร้าน ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่กินแล้วติดใจ ชอบในรสชาติ มีออร์เดอร์เข้ามาเรื่อยๆ ทั้งซื้อกินเอง และซื้อเป็นของฝากทั้งในจังหวัดมหาสารคามและจังหวัดใกล้เคียง เช่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ กระทั่งปี 2547 คุณแม่พูลศรี ได้ส่งขนมเทียนแก้วเข้าเป็นสินค้าโอท็อป 4 ดาว ของจังหวัดมหาสารคาม เป็นรางวัลการันตีความอร่อยอีกตัว
จากนั้นธุรกิจเติบโตเรื่อยมา มากขึ้นจากช่วงแรก คุณไก่ เล่าว่า แรกๆ ทำกันเป็นกิจการในครอบครัวประมาณ 4 คน ช่วงหลังนี้มีคนงานรวมกว่า 30 คน เปิดแล้วสองสาขา สาขาแรกคุณแม่พูลศรีเป็นคนดูแล ส่วนสาขาสองเปิดได้ประมาณปีกว่า มีเธอเป็นคนดูแล ทั้งหมดนี้เกิดจากการขายขนมเทียนแก้วชนิดเดียว
“จากแต่ก่อนใช้แรงงานคนทั้งหมด ใช้กระทะเล็กๆ ผสมแป้ง ทำไส้ ต่อมาขยับขยายใช้เครื่องมือเข้ามาเสริม เบาแรงคนไปได้เยอะ ที่สำคัญ ทันต่อออร์เดอร์ที่เข้ามา”
สำหรับความอร่อยของขนมเทียนแก้วแม่พูลศรี คุณไก่ บอกว่า ลักษณะคล้ายกับขนมเทียน เพียงแต่ตัวแป้งจะใส เพราะเปลี่ยนจากใช้แป้งข้าวเหนียวมาใช้แป้งถั่วเขียวแทน ทำให้เนื้อขนมใส และนุ่ม เป็นขนมไทยโบราณอีกชนิดที่หาทานยากพอสมควร
“จุดเด่นของเราอยู่ที่ตัวแป้ง นุ่มไม่แข็งกระด้าง พอดีคำ รสชาติไม่หวานมาก ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไปจนถึง วัยสูงอายุ ลูกค้าหลายคนบอกคล้ายกันว่า ทานที่อื่นมาส่วนใหญ่แป้งแข็ง ร้านนี้อร่อย ยิ่งเดี๋ยวนี้ระบบการขนส่งดี ลูกค้าต่างจังหวัดซื้อไปทานมากขึ้น ซื้อไปต่างประเทศก็มี”
ในแต่ละวันสามารถผลิตได้ 200 กิโล หากเป็นช่วงเทศกาล ต้องเพิ่มกำลังการผลิตอีกหนึ่งเท่าตัว คือ 300-400 กิโล ขายกิโลละ 120 บาท มีทั้งแบบนึ่ง และไม่นึ่ง
“200 กิโลต่อวันต่อหนึ่งสาขา จะขายดีช่วงเทศกาล ทำกันไม่ทัน ลูกค้าแต่ละปี แต่ละเทศกาลมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นเทศกาลงานบุญของชาวพุทธ เทศกาลของชาวจีนก็มาซื้อมากเป็นพันกิโล” คุณไก่ เล่าถึงความนิยมของขนมเทียนแก้ว
เคล็ดลับครองใจลูกค้ายาวนาน 17 ปี เธอบอกว่า อยู่ที่คุณภาพและความสะอาด รวมทั้งการบริการของพนักงาน อีกอย่างคือการออกแบบแพ็กเกจจิ้ง ใส่ชะลอมแทนการใส่กล่องพลาสติกเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างไม่เหมือนใคร
อีกหนึ่งเรื่องราวที่เรียกว่าเป็นความประทับใจของคนทำธุรกิจ นั่นคือ การได้มีโอกาสนำขนมเทียนแก้วทูลเกล้าฯ ถวายต่อ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อปี 2551
“ตอนนั้นนายอำเภอมาติดต่อให้นำขนมเทียนแก้วขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพราะจะมีการทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาบัตรที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ มาทุกปี นับแต่นั้นเมื่อเสด็จฯ มาจะมีคนของท่านซื้อไปทูลเกล้าฯ ถวาย เรียกว่าเป็นของโปรดท่านก็น่าจะได้” คุณไก่ เล่าถึงความประทับใจไม่รู้ลืม
นอกจากนี้ ยังมีเหล่าดารา คนดัง แวะเวียนมาที่ร้านไม่ขาด หลังจากนี้ถามว่าจะมีขนมชนิดอื่นขายเพิ่มเติมหรือไม่ คุณไก่ บอกว่า ยังตั้งมั่นขายขนมเทียนแก้วชนิดเดียวต่อไปเรื่อยๆ จากนี้จะเน้นพัฒนาฝีมือบุคลากร รวมทั้งเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้ทันต่อออร์เดอร์ที่เข้ามา
“แม้ปัจจุบันจะมีขนมชนิดใหม่ๆ เข้ามา แต่ขนมเทียนแก้วซึ่งเป็นขนมไทยโบราณ ยังครองใจลูกค้าอยู่ตลอด ขนมเหล่านั้นมาตามกระแสเดี๋ยวก็หายไป แต่ขนมไทยแบบเราเป็นอะไรที่ทำเลียนแบบยาก เราจึงยืนหยัดอยู่มาได้ยาวนาน ทานได้ทุกเพศทุกวัย เหมาะกับเมืองพุทธแบบเรา”
สามารถแวะไปอุดหนุนได้ที่ร้านขนมเทียนแก้วแม่พูลศรี สาขาแรก ตั้งอยู่ที่ ตำบลโคกพระ อำเภอกันทรวิชัย และสาขาสอง ติดกับปั๊มน้ำมัน ปตท.บ้านดินดำ ตำบลเกิ้ง อำเภอเมืองมหาสารคาม เปิดตั้งแต่ 06.00 -18.00 น. โทรศัพท์ 088-070-2632 หรือ 062-707-3376
ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์