คราวนี้ถึงคิวทบทวนร้านอร่อยเก่าแก่ลับตาคนซึ่งต้องดั้นด้นไป ซ่อนเร้นอยู่ในตรอกเล็กๆ ของถนนข้าวหลาม กับร้านคิวยาวอีกแห่งในตรอกสุกร 1 ละแวกเดียวกัน
รายแรกคือเจ้า ขนมน้ำกะทิ แบบไทยๆ อร่อยหอมหวานมันขนานแท้ ขายมานานถึง 42 ปี จนคนทำเริ่มมีอายุมาก สมควรแก่การตีฆ้องร้องป่าวแนะนำอีกครั้งหนึ่ง เจ้านี้ไม่มีชื่อร้าน แต่ขาประจำรู้จักกันดีในชื่อว่า เจ๊ขนมหวานเสียงทอง
เจ๊ขนมหวานมีชื่อจริงว่าคุณวาราดา เตชะกรเกียรติ (เมื่อครั้งที่ผมเขียนแนะนำ ยังใช้ชื่อเดิมว่าเพ็ญจันทร์) ที่ได้ฉายาจากลูกค้าว่า เจ๊เสียงทอง ก็เพราะเสียงของคุณแม่วาราดานั้นแหบแบบมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์มาตั้งแต่ยังสาว
เจ๊เสียงทองทำขนมขาย ตั้งแต่น้องจ๊ะโอ๋ ลูกสาวอายุได้เพียง 7 เดือน มีพรสวรรค์ในการทำขนมมาก จึงมีลูกค้าคนในพื้นที่ติดใจในรสชาติตั้งแต่นั้นมา แต่ก่อนจะขายอาทิตย์ละ 6 วัน แต่เนื่องจากตอนนี้อายุมากขึ้น จึงทำขายเหลือแค่อาทิตย์ละ 3 วัน คือ วันพุธ-พฤหัส-ศุกร์ เท่านั้น โดยมีลูกสาวคอยช่วยคุณแม่อีกด้วย
เดี๋ยวนี้ลูกค้านิยมบุกมาซื้อถึงที่บ้านตั้งแต่ช่วงเช้าที่ทำขนมเสร็จตอน 8 โมงครึ่ง หรืออย่างช้าไม่เกิน 9 โมง (โดยจะขายอยู่ในบ้าน ไม่ได้ตั้งรถเข็นหน้าบ้านให้เราถ่ายรูปเหมือนวันนี้นะจ๊ะ) อยู่ในตึกแถวเลขที่ 2244 หลังที่ 4 ทางขวามือในตรอกเล็กๆ ข้าง 7-11 ถนนข้าวหลาม จุดสังเกตคือปากตรอกอยู่ตรงทางม้าลายใกล้ๆ ร้านตั้งจั๊วหลี หัวปลาหม้อไฟ ฝั่งตรงข้ามซอยสุกร 1 ถ้ามาไม่ถูกหรืออยากสั่งขนมล่วงหน้าให้โทรมาตอนเช้าที่เบอร์ 0-2266-9571 และ 08-6524-6544 นะจ๊ะ
เจ๊เสียงทองขายขนมตั้งแต่ถุงละ 10 สลึง จนตอนนี้สนนราคาถุงละ 20 บาทแล้ว ความอร่อยอยู่ที่กะทิหอมมันเข้มข้นมีรสเค็มเล็กน้อย รับมาจากเจ้าประจำที่คั้นสดๆ มาส่งทุกๆ เช้า ส่งมาตั้งแต่รุ่นพ่อจนมาถึงรุ่นลูก
ขนมยืนพื้นที่ขายทุกวันมี 2 อย่างคือ ข้าวเหนียวดำ (ซึ่งบางครั้งก็ใส่ลำไยด้วย) กับ เต้าส่วน เน้นใส่ถั่วเขียวเยอะๆ ผสมแป้งเพียงเล็กน้อย ส่วนขนมอื่นๆ ทำหมุนเวียนเปลี่ยนไป รวมกันวันละ 7-9 อย่าง วันนั้นมี กล้วยบวชชี ที่ขายดีมากๆ ใช้กล้วยห่ามนิดๆ มาทำ กล้วยจึงหนึบอร่อยไม่เละ ครองแครงน้ำกะทิ หอมงา ข้าวเหนียวเปียกเผือกใส่มะพร้าวอ่อนเผา (บอกว่าต้องเผาด้วยถึงจะหอม) ข้าวฟ่างน้ำใบเตยใส่มะพร้าวอ่อนเผา ที่เป็นเมนูขนมใหม่ ฟักทองแกงบวด ข้าวเหนียวสังขยา ข้าวบาร์เลย์ต้มน้ำตาล ซึ่งมีทั้งที่ใส่ถั่วแดงด้วย สาคูถั่วดำ ข้าวเหนียวถั่วดำ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล สาคูทรงเครื่องใส่ลูกบัวกับมะพร้าว และ เผือกแกงบวด ถ้าช่วงไหนมี ลูกเดือย คุณภาพดี ก็จะนำมาต้มน้ำตาลด้วย นอกจากนี้น้องโอ๋ ลูกสาว ยังทำขนมใหม่คือ เปียกปูนกะทิสด แบ่งใส่ถ้วยเล็กๆ พอดีคำ
ระหว่างที่ขายในบ้านก็จะตักขนมแบ่งใส่ถุงไว้เรียบร้อย (บางครั้งถ้าตักแบ่งไม่หมด ก็ยกหม้อไปขายด้วยเลย) พอ 10 โมงครึ่งก็จะยกขึ้นสามล้อเครื่อง นำไปใส่รถเข็นพร้อมขายตอน 11 โมงเช้าใน ตรอกอิสรานุภาพ ฝั่งวัดคณิกาผล เยื้องๆ กับสถานีตำรวจพลับพลาไชย ถ้าแฟนๆ ขับรถมาเองให้จอดในวัดคณิกาผล แล้วเลี้ยวขวาเดินเลียบกำแพงวัดมาเรื่อยๆ แล้วข้ามถนนมาเข้าตรอกอิสรานุภาพซึ่งเป็นตรอกแคบๆ มีผู้คนพลุกพล่าน เดินอีกไม่กี่ก้าวก็จะเห็นเจ้าขนมหวานอยู่ขวามือประมาณร้านที่ 4 ซึ่งพอบ่ายโมงหรือบ่ายโมงครึ่งก็หมดแล้ว ต้องบอกว่าร้านนี้ชูนิ้วโป้งให้สองมือว่ายอดเยี่ยมจริง ควรดั้นด้นรีบตามไปชิมเลยนะจ๊ะ
เจ้าถัดมาอยู่ในตรอกโรงหมูหรือซอยสุกร 1 เป็นซอยรถเดินทางเดียวสั้นๆ เพียง 200 เมตร แต่มีของกินเด็ดๆ น่าสนใจเพียบ ทางไปซอยนี้เพียงข้าม คลองผดุงกรุงเกษมจากหัวลำโพง มาไม่กี่สิบเมตร แล้วเลี้ยวซ้าย (ที่แยกไมตรีจิตต์) เข้า ถนนมิตรภาพไทย-จีน (คือถนนตรีมิตรเดิม) ตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเห็น ซอยสุกร 1 อยู่ทางด้านซ้ายมือ ก่อนถึง วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร
ถ้านำรถมาขอบอกว่าที่จอดรถในซอยนี้สองข้างทางหาได้ยากยิ่ง ตามปกติปิ่นโตเถาเล็กจะไปจอดที่ ลานจอดตรงแยกเฉลิมบุรี แล้วเดินย้อนกลับมาผ่านวัดไตรมิตรใช้เวลาประมาณ 10 นาที
ปากซอยสุกร 1 ฝั่งขวา มี ร้านแดงราชาหอยทอด ศูนย์รวมอาหารหลากหลาย เป็นจุดสังเกต ซึ่งริมซอยถัดจากเตาหอยทอดของร้านแดงยังมีของดีอีกอย่างด้วย นั่นก็คือกุยช่าย เป็นเจ้ารถเข็นไม่มีป้ายชื่อร้าน ผมเคยมาชิมครั้งแรกเมื่อ 15 ปีก่อน เลยตั้งชื่อไว้ให้ว่า กุยช่ายนายฮี้ ตามชื่อเจ้าของ กุยช่ายนายฮี้มาไกลจากตลาดพลู ซึ่งถือเป็นดงกุยช่ายเลยก็ว่าได้ มีทำกันเป็นร้อยๆ เจ้า แต่รายนี้เขามีดีจริงๆ จึงยืนหยัดขายมานานถึง 30 ปี แต่ละวันขายไม่ถึง 2-3 ชั่วโมงก็เกลี้ยงแล้ว
ทุกๆเช้านายฮี้จะตระเตรียมนวดแป้ง ผัดไส้ ส่วนภรรยารับหน้าที่ห่อไส้กุยช่ายเป็นตัวๆ แล้วนำไปนึ่ง พอได้ครบถ้วน ฝ่ายสามีก็จะรีบข้ามฟากมาขายที่ตรอกสุกร 1 พอได้เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง นายฮี้ก็จะเข็นรถสวนทางวันเวย์ในซอยเข้ามาตั้งร้าน พอใกล้เวลาขาย เริ่มมีผู้คนมายืนดักรอซื้ออยู่ข้างร้านหอยทอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงวันเสาร์-อาทิตย์จะเยอะเป็นพิเศษ เห็นนายฮี้เมื่อไหร่ก็จะกรูกันเข้ามาต่อคิวทันที
กุยช่ายนายฮี้มีให้เลือก 4 ไส้ คือ ไส้เผือก ใส่ถั่วลิสง ไส้มันแกว ใส่กุ้งแห้ง ไส้หน่อไม้ ใส่กุ้งแห้ง ซึ่งจะปรุงรสกุยช่ายด้วยน้ำตาล พริกไทย เกลือ และก็มี ไส้กุยช่าย ซึ่งมีเคล็ดลับคือผสมเบกกิ้งโซดาเล็กน้อยเพื่อให้กุยช่ายมีสีเขียวสวย (แต่จะใส่ไม่มากเพราะเดี๋ยวจะมีกลิ่นเบกกิ้งโซดา) สนนราคาชิ้นละ (หรือใบละ) 10 บาท
ซึ่งเราสามารถสั่งให้ทอดได้ทันที ซึ่งเจ้านี้เด่นเรื่อง กุยช่ายทอด เพราะแป้งกุยช่ายจะเป็นชนิดหนาหน่อย พอทอดแล้วแป้งจะเกรียมหอมเคี้ยวได้เต็มคำ ซึ่งควรจะกินตอนร้อนๆ เดี๋ยวนั้นเลยนะจ๊ะ แต่ก็ควรสั่งมาลองทั้งอย่างทอดและอย่างนึ่ง จิ้มน้ำจิ้มกุยช่ายรสจัดเข้ากันดี
นายฮี้จะขายไปจนถึงบ่าย 3 โมงก็หมดแล้ว (หรือบ่าย 4 โมงเป็นบางวัน) ซึ่งวันหนึ่งๆ ทำไม่มาก ไม่กี่ร้อยตัว (ที่ร้านเรียกว่าไม่กี่ร้อยใบ) หมดแล้วหมดเลย ลืมบอกไปว่าตอนนี้นายฮี้ หยุดทุกวันจันทร์ แล้ว โทรไปถามที่บ้านก่อนได้ว่าวันนี้ขายหรือไม่ที่เบอร์ 0-2891-3239
กุยช่ายเจ้านี้สมควรแก่การเข้าคิวรอ แต่มาร้านนี้ขอให้ท่องไว้ในใจว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะจ๊ะ จงอดทนรอเข้าไว้ คุ้มค่ารอแน่นอน
เจ๊ขนมหวานหรือเจ๊เสียงทอง
(ไม่มีป้ายชื่อร้าน)
โดย คุณวาราดา เตชะกรเกียรติ
ที่ตั้ง ตอนเช้า ขายที่บ้านเลขที่ 2244 ในตรอกตรงทางม้าลาย ถนนข้าวหลาม ใกล้ตั้งจั๊วหลี
ในตรอกอิสรานุภาพ ถนนพลับพลาไชย ตรงข้ามวัดคณิกาผล เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100
โทร 08-6524-6544 หรือที่บ้าน 0-2266-9571
เปิดบริการ เช้าขายในบ้าน 08.30-10.30 น.
ช่วงสาย ขายในตรอกอิสรานุภาพ 11.00-13.00 น. พุธ-พฤหัส-ศุกร์ เท่านั้น
แนะนำ ขนมน้ำกะทิ เช่น กล้วยบวชชี เต้าส่วน ข้าวเหนียวดำ ข้างฟ่างน้ำกะทิใบเตย ครองแครงน้ำกะทิ ข้าวเหนียวเปียกเผือกใส่มะพร้าวอ่อนเผา
กุยช่ายนายฮี้
(ไม่มีป้ายชื่อร้าน เป็นรถเข็น)
โดย นายฮี้ (อัฏฐพร บวรโลหะชัย)
ที่ตั้ง ระหว่างร้านเบ๊ซุ่นหลี กับร้านแดงราชาหอยทอด ซอยสุกร 1
โทร 0-2891-3239 (ที่บ้าน ถนนวุฒากาศ ตลาดพลู)
เปิดบริการ 13.30-15.00 น. ไม่เกิน 16.00 น. อังคาร-อาทิตย์
หยุด ทุกวันจันทร์
แนะนำ กุยช่ายไส้เผือก ไส้มันแกว ไส้หน่อไม้ ไส้กุยช่าย
ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ปิ่นโตเถาเล็ก |