ปลูก“มะพร้าวน้ำหอม”ไม่หวาน-ไม่หอม ปลูก“ส้มโอ”ก็รสจืด จะแก้ไขยังไง?
มีผู้ถามเข้ามาว่า ตนเองนัั้นปลูกมะพร้าวน้ำหอมไว้ 100 กว่าต้น กำลังให้ผลผลิต แต่น้ำมะพร้าวไม่หอม และมีรสเปรี้ยว พอปลูกส้มโอก็ไม่หวานอีก แต่กลับมีรสจืดชืด ควรใส่ปุ๋ยอะไรดี?
อ.ประเวศ แสงเพชร อดีตข้าราชการกรมวิชาการ ให้ความรู้ว่า มะพร้าวน้ำหอมพันธุ์แท้ ทดสอบได้ตั้งแต่ระยะต้นกล้า เมื่อเด็ดส่วนรากมาดมก็หอม แม้จะนำไปปลูกในแหล่งอื่นๆ ก็ยังคงความหอมอยู่ได้ แต่จะให้ผลดกหรือไม่ดกนั้นขึ้นอยู่กับ ระดับน้ำใต้ดินของแหล่งปลูก
มะพร้าวน้ำหอมหรือมะพร้าวแกงจะติดผลดีต้องมีระดับน้ำใต้ดินลึกไม่เกิน 1 เมตร ระดับน้ำใต้ดินยิ่งลึกความสามารถในการติดผลก็จะต่ำลงเป็นลำดับเช่นกัน ดังนั้น พันธุ์มะพร้าวที่คุณซื้อมาปลูกน่าจะเกิดจากเหตุเดียวคือได้ต้นพันธุ์ที่ ไม่ใช่พันธุ์มะพร้าวน้ำหอมแท้มาปลูก
อย่างไรก็ตาม การใช้ปุ๋ยอาจช่วยเพิ่มความหวานของน้ำมะพร้าวได้คือ การใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 14-14-21 สูตรใดสูตรหนึ่งตามที่จะหาได้สะดวก ในระยะติดผลหรือก่อนติดผลเล็กน้อย อัตราครึ่งกิโลกรัม หรือ 1 กิโลกรัม ขึ้นอยู่กับอายุของต้นไม้ ด้วยการหว่านรอบต้นและรดน้ำตามจึงจะได้ผลดี
ปุ๋ยตัวท้ายสูงคือ 21 หมายถึง ปุ๋ย 100 กิโลกรัม จะมีโพแทสเซียม (K) 21 กิโลกรัม ธาตุอาหารชนิดนี้มีบทบาทสำคัญช่วยในการเคลื่อนย้ายแป้งและน้ำตาลจากใบไปยังผลของต้นไม้ ส่งผลให้ผลไม้มีรสหวานมากขึ้น กลิ่นหอมก็อาจเพิ่มขึ้นบ้างแต่คงไม่มาก เนื่องจากความหอมถูกควบคุมด้วยพันธุกรรม อิทธิพลภายนอกจะมีผลต่อความหอมในปริมาณที่ต่ำกว่าความหวาน
ส่วนในกรณีของส้มโอก็ให้ใช้สูตรปุ๋ย เวลา และอัตราเดียวกันกับที่ได้อธิบายไปข้างต้น
นอกจากการใช้ปุ๋ยเคมีแล้ว ควรใส่ปุ๋ยคอกเก่าด้วยในอัตรา 1-2 ปุ้งกี๋ ต่อต้น ในต้นฤดูและปลายฤดูฝนอัตราเดียวกัน เพราะนอกจากจะเพิ่มธาตุอาหารรองให้กับต้นไม้แล้วยังช่วยรักษาความชื้นและปรับโครงสร้างของดินให้ดีขึ้นอีกด้วย
อีกปัจจัยหนึ่งคือ “น้ำ” ที่นับว่ามีความสำคัญมากในการปลูกมะพร้าว เนื่องจากมะพร้าวมีการวิวัฒนาการและปรับตัวได้ดีในแหล่งที่มีน้ำบริบูรณ์มาเป็นเวลาช้านาน สามารถทนต่อน้ำเค็มได้ดี ผลมะพร้าวแห้งสามารถล่องลอยไปในทะเลจากเกาะหนึ่ง ไปอีกเกาะหนึ่งเมื่อเกยตื้นจะแทงรากและหน่อเจริญเติบโตได้ดีที่บริเวณชายหาด และสามารถสืบเผ่าพันธุ์ต่อไปได้อย่างปกติสุข
ที่มา : เทคโนโลยีชาวบ้าน
คอลัมน์ : หมอเกษตรทองกวาว