บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ปักธงศูนย์กลางธุรกิจโฮเรก้าในไทยและอาเซียน จัดใหญ่ “แม็คโคร โฮเรก้า ครั้งที่ 14” ครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ แหล่งรวมวัตถุดิบคุณภาพ ขานรับธุรกิจกินดื่มขยายตัวไม่หยุด ชวนพันธมิตรกว่า 300 รายขนทัพสินค้า นวัตกรรมความยั่งยืน โชว์ศักยภาพเต็มพิกัด หวังยกระดับผู้ประกอบการติดลมบน ท่ามกลางปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร กล่าวว่า งานแม็คโคร มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 14 หรือแม็คโคร โฮเรก้า ครั้งที่ 14 เป็นงานประจำปีที่แม็คโครจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจค้าส่งที่มีความโดดเด่นในเรื่องการจัดหาสินค้าเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจอาหารแบบครบวงจร ด้วยการคัดสรรสินค้า วัตถุดิบคุณภาพปลอดภัย มีความหลากหลาย ครบครัน ในราคาที่คุ้มค่า เพื่อเป็นคู่คิดทางธุรกิจอย่างแท้จริง โดยปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด ‘The Culinary Passion 30 ปี แม็คโคร เคียงข้าง สร้างสรรค์ มุ่งมั่นสู่ความยั่งยืน’ ระหว่างวันที่ 21-24 พฤศจิกายนนี้ ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
“เรามีลูกค้าสมาชิกของแม็คโครอยู่กว่า 3 ล้านราย ซึ่งครึ่งหนึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าในธุรกิจโฮเรก้า ธุรกิจอาหาร และเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ ยอดซื้อต่อครั้งสูง อัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศและภูมิภาคเออีซี ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจโฮเรก้า ธุรกิจอาหารมีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ได้ระบุว่า ในช่วงปี 2560-2561 มีผู้ประกอบการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย มูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาท โอกาสในการพัฒนาลูกค้ากลุ่มนี้จึงมีอีกมาก” นางสุชาดา กล่าว
ด้าน นางสาวธีราพร ธีรทีป ประธานคณะกรรมการจัดงาน “มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่ 14” หรือ แม็คโคร โฮเรก้า ครั้งที่ 14” กล่าวเสริมว่า “ในทุกปี งานโฮเรก้าของแม็คโคร จะมีผู้ประกอบการและผู้สนใจในธุรกิจอาหารจากทั่วประเทศและภูมิภาคอาเซียนให้ความสนใจมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เพื่อติดตามอัพเดทองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ นวัตกรรมด้านความยั่งยืน และเทคโนโลยีใหม่ๆ การจัดแสดงสินค้า จากพันธมิตรกว่า 300 ร้านค้า รวมถึง นวัตกรรมด้านความยั่งยืน การพบปะแลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้ผลิต ค้นหาวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพในราคาที่นำไปต่อยอดทำกำไรได้ รวมถึงยังได้ร่วมลุ้นไปกับกิจกรรมการแข่งขัน แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ 2019 ที่แม็คโครยกระดับการแข่งขัน Makro Asian Culinary Challenge สู่ระดับสากล”
งานแม็คโคร มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ครั้งที่ 14 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 -24 พฤศจิกายน ณ ฮอลล์ 6-7 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 10.00 น.- 19.00 น. ภายในงาน แบ่งเป็นโซนต่างๆ ประกอบด้วย โซนเวทีกลาง ,แม็ค โครพาวิลเลี่ยน, คุ้กกิ้งสตูดิโอ , แม็คโคร โฮเรก้า อคาเดมี ,เวิร์คช้อปและสัมมนา, ร้านต้นแบบภายใต้แนวคิดต่างๆ เช่น The Passion Restaurant ,The Passion Homestay, The Passion Bakery Café, The Passion Hidden Bar ซึ่งจะรวบรวมความรู้เพื่อการประกอบธุรกิจโฮเรก้า เวิร์คช้อปเมนูอาหารหลากหลายไอเดีย สัมมนาเทคนิคการบริหารจัดการร้านค้า บริหารต้นทุน-กำไร รวมถึงการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาสร้างสรรค์เมนูสุดพิเศษ
พิเศษสุดคือ การชมชิมช้อปกับ ร้านปรุงสารพัด ของสถาบันเทคโนโลยีจิตรลดา ที่มาออกบูทเป็นครั้งแรก พร้อมโซนอาหารสตรีทฟู้ดชื่อดังที่ผ่านการคัดเลือกจากโครงการ GSB Street Food เปลี่ยนชีวิต รวมถึงร่วมลุ้นแบบเรียลไทม์ไปกับการแข่งขันระดับนานาชาติครั้งแรกของ ‘แม็คโคร โฮเรก้า ชาเลนจ์ 2019’ เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง ท้าทายความสามารถของเชฟมืออาชีพตลอด 4 วันการจัดงาน ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และเงินสดรวมมูลค่ากว่า 700,000 บาท พร้อมเป็นตัวแทนประเทศไทย เข้าร่วมแข่งขันในงาน Food and Hotel Asia (FHA) 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์ ทั้งในรุ่นเยาวชน และรุ่นมืออาชีพ
ซึ่งถือเป็นเวทีการแข่งขันที่ช่วยส่งเสริมและยกระดับมาตรฐานเชฟไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีระดับโลก โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมแข่งขันจากนานาชาติ ได้รับการรับรองจากสมาคมเชฟโลกหรือ World Association of Chefs Societies (WACS)
นอกจากนี้ ยังพบการกลับมาของแชมป์ทุกสมัยตลอด 13 ปี ประชันฝีมือกันอีกครั้งในวาระแม็คโคร ครบรอบ 30 ปี ในรายการ ‘Makro Rice Menu Champion Challenge’ ซึ่งงานนี้จะทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้เห็นภาพรวมของธุรกิจอาหาร และสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจของตนเองให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปได้
นางสุชาดา กล่าวทิ้งท้ายว่า “ด้วยปัจจัยบวกที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ไม่ว่าจะเป็น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาลผ่านโครงการชิม ช้อปใช้ , ร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย ฯ ประกอบกับบรรยากาศการจับจ่ายใช้บริการในช่วงเทศกาลที่ใกล้จะมาถึง คาดว่างานนี้จะได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาส และเตรียมตัวพัฒนาธุรกิจตนเองให้มีความน่าสนใจเพื่อดึงดูดลูกค้าคนไทยและนักท่องเที่ยวที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในฤดูกาลไฮด์ซีซั่น”