ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งค้นพบนี้ มีชื่อสายพันธุ์ว่า 2019nCoV ( ซึ่ง ณ ตอนนี้ยังไม่ใช่ชื่อเรียกของสายพันธุ์อย่างเป็นทางการ ) ด้านนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบได้ตั้งข้อสันนิษฐานว่า เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้มาจากไวรัสในค้างคาวที่กลายพันธุ์ โดยมีงูเป็นตัวกักเก็บและแพร่เชื้อ นอกจากนี้หากมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ออกมาเพิ่มเติม ในอนาคตเราคงได้ทราบรายละเอียดกันมากขึ้น
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ราชบัณฑิตและหัวหน้าศูนย์ เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก กล่าวว่า ไวรัสนี้เป็นไวรัสตัวใหม่ ไม่เคยพบในมนุษย์มาก่อน เมื่อเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทำให้ขาดองค์ความรู้ของโรค ถ้ามองในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของโรคปอดบวม ไวรัสโคโรนาหรือไวรัสอู่ฮั่น คงจะไม่เลวร้ายไปกว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในระยะแรกก็ตื่นตระหนกเช่นเดียวกัน หลังจากระบาดใหญ่ ไวรัสตัวนี้ก็ประจำถิ่น เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลไปเรียบร้อยแล้ว คนส่วนใหญ่เคยเป็นและมีภูมิอยู่บ้างแล้ว การระบาดใหญ่จึงลดลง
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมาว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คร่าชีวิตคนในจีนแผ่นดินใหญ่ไปแล้ว 56 คนและมีผู้ติดเชื้อเกือบ 1,975 คน ขณะที่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศไทยทั้งสิ้น 8 ราย (คนจีน 7 ราย คนไทย 1 ราย) หายกลับบ้านได้แล้ว 5 ราย อีก 3 ราย ยังอยู่ในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมยืนยันว่า ทั้งหมดติดเชื้อจากต่างประเทศก่อนเดินทางมาประเทศไทย และยืนยันด้วยว่ายังไม่มีการระบาดหรือเกิดการติดเชื้อในประเทศไทย
หากติดไวรัส “โคโรนา” อาการอย่างไร?
เมื่อได้รับเชื้อไวรัสโคโรนาแล้ว จะเริ่มแสดงอาการออกมาใน 1 – 2 สัปดาห์ และด้วยการที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ และมักจะแสดงออกมาในลักษณะอาการคล้ายการเป็นโรคไข้หวัดคือ มีไข้สูงเกิน 37.5 องศา นานเกิน 2 วัน มีอาการไอ เจ็บคอ คอแดง มีอาการคล้ายเป็นหวัดมีน้ำมูก หอบเหนื่อยเจ็บแน่นบริเวณหน้าอก ระหว่างหายใจ ปวดเมื่อยตามตัว ไม่ควรปล่อยไว้นานให้รีบพบแพทย์ทันที
การป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา
โดยวิธีการง่าย ๆ ที่จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ได้แก่ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด, ไม่ใกล้ชิดผู้ป่วยที่มีอาการไอ (หากเลี่ยงไม่ได้ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกัน), หลีกเลี่ยงการไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต, ไม่สัมผัสสัตว์ที่ป่วยหรือตาย, หลีกเลี่ยงการกินสัตว์แปลก ๆและกินอาหารปรุงสุก, ไม่นำมือไปสัมผัสตา จมูก ปากหากไม่จำเป็น, ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่หรือแอลกอฮอล์, รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ, ออกกำลังกาย ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่, พักผ่อนให้เพียงพอ และหากมีอาการไข้ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์ทันที