ร้านยำคิวยาวเมืองพัทยา เปิดดีลิเวอรี่สู้โควิด ไม่หวังยอดขาย ขอแค่มีเงินเลี้ยงลูกน้องก็พอ
คุณแต๋ง-กฤษฎ์กูล ชุมแก้ว เจ้าของร้านอาฟเตอร์ยำ เผยว่า ในช่วงแรกที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้น ร้านที่พัทยายังพออยู่ได้ ได้รับผลกระทบเพียง 10-15% แต่ช่วงหลังไทยเริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแตะหลักร้อย ทำให้ต้องตัดสินใจปิดร้านชั่วคราว
“จริงๆ ที่ร้านเรามีการทำความสะอาดอยู่แล้ว ใช้น้ำยาฆ่าเชื้ออย่างดี ทำแบบนี้มาตั้งแต่เปิดร้าน แต่ช่วงหลังที่เกิดเรื่องทำให้เราคุมเข้มเรื่องความสะอาดมากขึ้น จัดโต๊ะให้ลูกค้านั่งห่างกัน แต่ระหว่างนั้นเราเตรียมแผนสำรองไว้หมด คิดว่าอาจจะให้ลูกค้าซื้อกลับบ้านอย่างเดียว แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รัฐประกาศปิดสถานที่เสี่ยง สถานการณ์รุนแรงขึ้น เราเริ่มกังวลใจ เลยตัดสินใจปิดร้านก่อนดีกว่า กลับมาอยู่ในเซฟโซนของตัวเองก่อน”
คุณแต๋ง เผยต่อว่า ได้มีการพูดคุยกับพนักงานมาตลอดถึงการแพร่ระบาด ว่าต่อไปอาจจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเดินทาง ภาคเกษตรกรรม วัตถุดิบ
“เราเตรียมรับมือไว้ถึงขนาดว่า หากสถานการณ์ยืดยาวไปจนถึงเดือนเมษายน อาจจะมีการลดเงินเดือนไป 30% ถ้าเดือนถัดไปยังไม่ดีขึ้นอาจจะลดอีก และถ้าเดือนถัดไปยังไม่ดีขึ้นจริงๆ ทุกคนอาจจะต้องดูแลตัวเอง”
ในส่วนของร้าน คุณแต๋ง ระบุว่า ตอนนี้ทุกอย่างเริ่มลงตัว ทุกคนเซฟตัวเองอยู่ในบ้าน และทางร้านก็พร้อมแล้วในการกลับมาเปิดร้านอีกครั้งในรูปแบบดีลิเวอรี่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดประมาณสัปดาห์หน้า
“ช่วงที่หยุดไปทำให้เราได้ศึกษาเรื่องระบบดีลิเวอรี่มากขึ้น แต่ช่วงนี้วัตถุดิบเริ่มขาดและราคาสูงขึ้น เพราะฉะนั้น เราก็จะหาวัตถุดิบเท่าที่เราหาได้ และทำเมนูให้เหมาะสม แต่ยังคงความแซ่บสไตล์อาฟเตอร์ยำไว้อยู่ ลูกค้าอาจจะได้ทานเมนูใหม่ในช่วงนี้ เราก็จะได้ซ้อมฝีมือการทำและซ้อมระบบไปในตัวด้วย ดีลิเวอรี่ของเราในพัทยาก็อาจจะส่งฟรี ส่วนสาขาในจังหวัดระยอง เราทำดีลิเวอรี่อยู่ด้วยตอนนี้”
ก่อนเผยว่า ในวิกฤตครั้งนี้มีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ซึ่งเป็นการลงสนามจริงในสภาวะกดดัน ท้าทายสำหรับตัวเองมาก ไม่ได้มองเป็นเรื่องเครียด แต่อยู่ในความเป็นจริงมากกว่า ในทางกลับกัน ยังมีเรื่องดี น้ำทะเลใสขึ้น ค่าฝุ่นละอองดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้านอาฟเตอร์ยำ เผยว่า การปรับมาขายดีลิเวอรี่ไม่ทำให้กังวลเรื่องขาย เพราะรู้อยู่แล้วว่ายอดขายไม่ดีเท่าการเปิดหน้าร้าน แต่มีเงินเลี้ยงลูกน้องได้ก็พอแล้ว
“ขอแค่เลี้ยงลูกน้องได้ เรามีความสุขแล้ว ตัวเราไม่ลำบาก แต่ลูกน้องค่อนข้างเครียด เพราะเขามีภาระ เราต้องทำให้พนักงานสู้ไปกับเรา” คุณแต๋ง เผย
ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์