เป็นที่ฮือฮาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เมื่อ “ฟ้าทะลายโจร” กลายเป็นสมุนไพรยอดฮิตที่ประชาชนคนไทยแห่ซื้อหาไว้ในครอบครอง หลัง “โควิด” แพร่ระบาด ส่งผลให้บรรยากาศที่ห้องจำหน่ายสมุนไพรอภัยภูเบศร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เนืองแน่น
ป้ายขนาดใหญ่ถูกติดตั้งไว้บ่งบอกถึงสรรพคุณ ความว่า
“ป้องกันไวรัสไม่ให้เข้าเซลล์, ลดการแบ่งตัวไวรัสภายในเซลล์, เพิ่มภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับไวรัส, ลดการอักเสบที่ปอดจากการติดเชื้อไวรัส”
ทำเอาฟ้าทะลายโจรในรูป “แคปซูล” ขาดตลาดในหลายจังหวัด
ย้อนกลับไปดูสถานภาพของฟ้าทะลายโจรยุคก่อนโควิดระบาด นอกจากเป็นสมุนไพรที่ชาวบ้านใช้ในการพึ่งพาตัวเองในการบรรเทาอาการเจ็บป่วย จำพวกไข้ ไอ เจ็บคอ ยังอยู่ใน “บัญชียาหลัก”
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลที่มีต่อไวรัสโคโรนา “สายพันธุ์ใหม่” ในนาม “โควิด-19” ดูเหมือนข้อมูลยังไม่ถูกประกาศอย่างชัดเจนต่อประชาชนอย่างเป็นทางการ
ในห้วงเวลาที่โลกยังไม่มี “วัคซีน” สำหรับป้องกันไวรัสร้ายชนิดนี้ อะไรคือเครื่องมือสำคัญ ?
“ตอนหวัดระบาดในปี 2009 ดิฉันเคยเสนอว่าทุกคนต้องปลูกฟ้าทะลายโจรติดบ้าน เพราะเป็นเครื่องมือสำคัญ”
คือถ้อยความจาก ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ประธานยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ผู้ซึ่งสนับสนุนให้คนไทยพึ่งพาตัวเองได้จากสมุนไพรอันเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม ทั้งยังมองไกลไปถึงภาพใหญ่ระดับประเทศในแง่ “ความมั่นคงทางยา” ที่เชื่อว่าสมุนไพรคือคำตอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดวิกฤตโควิดสะเทือนโลก ที่คาดว่ากว่าจะมีวัคซีนได้ ต้องใช้เวลาราว 2 ปี
และบรรทัดถัดจากนี้ไป คือ ความรู้ ความคิด ความเห็น และข้อมูลสำคัญจากเภสัชกรหญิงคนสำคัญของเมืองไทย
กลไกครบเครื่อง เรื่องสู้ ‘ไวรัส’
ก่อนไปถึงโควิด ซึ่งเป็นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ มาย้อนดูกลไกของฟ้าทะลายโจรที่มีต่อไวรัสอย่างหลากหลาย มีผลการศึกษาทั้งในไทยและต่างประเทศ
“ฟ้าทะลายโจรมีกลไกครบ คือ การไปยับยั้งการเข้าเซลล์ เพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ เพราะผลพวงของการติดเชื้อ เกิดการอักเสบ เช่น เจ็บคอ บวม แดง ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรค
ถ้าพูดถึงเปเปอร์ ที่มีการศึกษาเกี่ยวกับไวรัส ฟ้าทะลายโจรมีมากที่สุดตัวหนึ่ง เพราะมีการวิจัยต่อเนื่อง พบว่ามีผลต่อไวรัสหลายตัวมาก มีบทบาทสูงมาก ไข้เลือดออกก็มีการวิจัย ตับอักเสบอะไรต่างๆ ก็มีงานวิจัยเกี่ยวกับไวรัสค่อนข้างเยอะ จึงเป็นสมุนไพรที่มีความปลอดภัย มีงานวิจัยและเหมาะสมที่สุด
นอกจากนี้ ยังตามเรื่องฟ้าทะลายโจรในต่างประเทศ ซึ่งมีใช้ในจีน อินเดีย ส่วนฝรั่งไม่ได้เชื่อจีน แต่ไปวิจัยใหม่ ตอนนั้นรักษาแค่หวัดก่อน
ถ้าเราทำอย่างครบสูตร ฟ้าทะลายโจร จะเป็นยาต้านไวรัสแบบ Broad Spectrum (ยาที่ออกฤทธิ์กว้าง) ไม่ว่าจะไวรัสตัวไหนๆ ก็จะเป็นฐานที่มั่นให้กับสังคมของเรา” ภญ.ดร.สุภาภรณ์กล่าว
ถอดโครงสร้าง เปิดหลักฐาน
ยับยั้ง ‘เข้าเซลล์-แบ่งตัว-โจมตี’
มาสู่ประเด็นสำคัญ อย่างหลักฐานอันเกี่ยวเนื่องระหว่างสมุนไพรฟ้าทะลายโจร กับไวรัสโควิด-19 ภญ.ดร.สุภาภรณ์ระบุถึงการศึกษาที่มีขึ้นในสาธารณรัฐประชาชนจีน
“หลักฐานที่ 1 มี Pre-prints หรือเอกสารที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ในจีน ซึ่งมีการสืบค้นสมุนไพรในคลังข้อมูลของเขาจาก 1,066 ชนิด เหลือ 78 ชนิด ที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสมาทดสอบ มีการพัฒนายาใหม่ โดยการถอดโครงสร้างของไวรัส ถอดโครงสร้างของสารที่อยู่ในพืช พบว่าฟ้าทะลายโจรไปจับเชื้อหลายตำแหน่ง และเป็นตำแหน่งที่สำคัญ ตำแหน่งที่ 1 คือ ยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัส 2.ยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส 3.ไปจับตำแหน่งที่ไวรัสจะบุกโจมตีภูมิคุ้มกันของร่างกาย จึงคาดว่าจะมีบทบาทในการพัฒนาเป็นยารักษาไวรัสโควิด-19 ในอนาคต
ก่อนหน้านี้จีนเองก็เคยจดสิทธิบัตรการใช้สารในฟ้าทะลายโจรรักษาและป้องกันการติดเชื้อไวรัสซาร์ส ซึ่งมีพันธุกรรมคล้ายคลึงกันถึง 80%
หลักฐานที่ 2 ฟ้าทะลายโจรมีผลไปแย่งการจับที่ตัวรับตัวหนึ่งซึ่งอยู่ที่ปอดเยอะ และเป็นช่องทางที่ทำให้ไวรัสเข้าเซลล์ สารตัวหนึ่งในฟ้าทะลายโจรมีความสามารถไปจับกับตัวรับตรงนี้ ทำให้มันเข้าเซลล์ได้ยากขึ้น
นี่คือ 2 หลักฐานชัดๆ ที่เกี่ยวข้องกับโควิดโดยตรง”
ครั้งแรกในไทย จับ ‘ฟ้าทะลายโจร’
ปะทะ ‘โควิด’ ในหลอดทดลอง
ไม่เพียงการศึกษาในต่างแดน ล่าสุด กรมแพทย์แผนไทย นำฟ้าทะลายโจรไปทดลองกับเชื้อโควิด-19 ในหลอดทดลอง โดยทดสอบฤทธิ์ของสารสกัดฟ้าทะลายโจร และสารแอนโดรกราโฟไลด์ ต่อการติดเชื้อของไวรัสโควิด ด้วย 3 กลไก ได้แก่ 1.การปกป้องเซลล์จากไวรัส 2.การทำให้ไวรัสอ่อนแรง 3.การต้านไวรัส โดยมีการรายงานผลเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่ามีผลต่อการทำลายและยับยั้งการแบ่งตัวได้จริง
ภญ.ดร.สุภาภรณ์บอกว่า นี่คือการทดลองในไทย ที่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น มองว่าควรต้องประกาศออกมาสู่สาธารณะให้ประชาชนรับทราบ
“เป็นความภูมิใจที่เราคือประเทศแรกที่มีการทดลองโดยตรง อย่างจีนใช้โครงสร้าง แต่เราทำในหลอดทดลองกับโควิดเลย นี่คือหลักฐานในการจัดการกับโควิดโดยตรง
ฟ้าทะลายโจรเข้าไปทำลายไวรัสโดยตรง ไปยับยั้งการแบ่งตัว การทดลองในไทย ดิฉันตื่นเต้น ส่วนตัวรู้สึกว่าควรต้องประกาศออกมา ทำไมเราจะเปลี่ยนแผ่นดินของเราให้เป็นผู้ดูแลคนด้วยสมุนไพรไทยไม่ได้หรือ สำหรับดิฉันคิดว่าต้องช่วงชิงความเป็นผู้นำ”
“ฟ้าทะลายโจรมีในแผ่นดินเราอยู่แล้ว หมอยอมรับได้ พอเราเผยแพร่ไป ทางกรมแพทย์แผนไทยคงทบทวนข้อมูลเหมือนเรา ก็มีการผลักดันต่อ มีการไปวิจัยกับไวรัสโคโรนาโดยตรง ซึ่งดิฉันภูมิใจมาก หากดิฉันเป็นรัฐบาลจะประกาศเลย เพราะว่ายังไม่มีประเทศไหนทำ เพราะเขาไม่ได้คุ้นเคยอย่างเรา ไม่ได้มีอย่างที่เรามี ถึงเป็นงานทดลองเล็กๆ แต่ไม่ใช่การทดลองเดียว มันมีองค์ประกอบมาอย่างต่อเนื่อง”
ปรับภูมิคุ้มกันโดยไม่สร้าง ‘พายุไซโตไคน์’
อีกข้อมูลสำคัญที่ ภญ.ดร.สุภาภรณ์หยิบยกมาอธิบายถึงความเหมาะสมยิ่งของการใช้ฟ้าทะลายโจรกับโควิด-19 คือประเด็นของ “พายุไซโตไคน์” ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในระยะสุดท้ายของผู้ป่วย
“ระยะสุดท้ายที่คนเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เกิดจากพายุไซโตไคน์ คือระบบภูมิคุ้มกันกันของเราหลั่งสารบางตัวที่ทำให้เกิดเมือก เหมือนปอดจมน้ำ เกิดการล้มเหลวของอวัยวะต่างๆ ตัวที่ไม่ไปเพิ่มพายุนี้ แต่ปรับภูมิคุ้มกัน หนึ่งในนั้นคือฟ้าทะลายโจรที่ไปปรับภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง โดยไม่กระตุ้นให้เกิดพายุไซโตไคน์ ในขณะที่ยาบางตัว หมอเมืองนอกห้ามกิน เพราะไปกระตุ้นพายุไซโตไคน์”
นอกจากนี้ ภญ.ดร.สุภาภรณ์ยังระบุว่า ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน มีการเก็บสถิติผู้ป่วย 452 ราย พบว่าผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงส่วนใหญ่มีจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด T-Lymphocyte ลดลง ซึ่งฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ “กระตุ้นภูมิคุ้มกัน” และ “ปรับภูมิคุ้มกัน” โดยมีผลเพิ่มการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันหลายชนิดในร่างกาย เช่น กระตุ้นการสร้างแอนติบอดี้ การจับกินเชื้อของเม็ดเลือดขาว เพิ่มการทำงานของอินเตอร์เฟอรอนซึ่งโดดเด่นในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว กระบวนการเพิ่มภูมิคุ้มกันของฟ้าทะลายโจร มีผลต่อภูมิคุ้มกันทั้งแบบจำเพาะ หรือภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด ซึ่งเป็นด่านแรกในการปกป้องร่างกาย และมีผลต่อภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายจดจำเอกลักษณ์ของเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมไว้ ถ้าเข้ามาในร่างกายอีก จะอาศัยความจำเดิมมาสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเจาะจงทันที
ประสิทธิภาพดี ปลอดภัยสูง
‘นี่คือสมุนไพรที่มาไกลมาก’
สำหรับสรรพคุณเรื่องการลดการอักเสบของฟ้าทะลายโจร ซึ่งคอสมุนไพรคงทราบกันดีอยู่แล้วนั้น ภญ.ดร.สุภาภรณ์ นำข้อมูลเพิ่มเติมมาชี้ชัดจากการทดลองซึ่งมีการฉีดสารของฟ้าทะลายโจรเข้าไปในหนูทดลองที่เกิดปอดอักเสบ พบว่ายับยั้งการเสียหายของปอดได้
“ที่สิงคโปร์มีการทบทวนรายชื่อของยาที่น่าจะนำมารักษาภาวะปอดเสียหายเฉียบพลัน ก็เป็นกลุ่มของฟ้าทะลายโจร ต้องเข้าใจว่าฟ้าทะลายโจรเดี่ยวๆ ตอนนี้ไม่มีประเทศไหนวิจัย เพราะเอามาขายไม่ได้ราคา ต้องเติมนู่นนิดนี่หน่อย แต่พื้นฐานก็คือฟ้าทะลายโจร มีการใช้พ่นทางหลอดลม พบว่าลดการอักเสบที่ปอด ในเมืองไทย มีการพูดถึงว่าคนสมัยก่อนก็ใช้การสูดดมเหมือนกัน สังคมไทยมีทุนทางสังคม ทั้งอาหาร สมุนไพร ซึ่งฟ้าทะลายโจรเป็นตัวหนึ่งที่ข้อมูลมาไกลมากและลึกมากในเรื่องของไวรัส รวมถึงโควิด
ในจีน มียาสิทธิบัตรจีน ในมาตรฐานการวินิจฉัยรักษาผู้ป่วยโควิด มีการใช้ฟ้าทะลายโจรในรายที่ปอดมีระยะปานกลางถึงรุนแรง ร่วมกับยาอื่นๆ และเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ และวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา ทีมวิจัยจีนศึกษาฟ้าทะลายโจร ซึ่งการที่จีนจะให้ศึกษาวิจัยได้ ถ้าตีพิมพ์ต้องมีมาตรฐาน ความปลอดภัย อันนี้ก็คงรออีกระยะหนึ่ง แต่ก็อนุญาตให้วิจัยแล้ว” ภญ.ดร.สุภาภรณ์เล่าถึงภาพรวมในประเด็นการวิจัยในประเทศต่างๆ ก่อนย้ำว่า
“ถ้าพูดถึงประสิทธิภาพ มีแนวโน้มที่จะใช้ได้เฉพาะตัวโควิดโดยตรง มีการศึกษาทั้งในเซลล์ในหลอดทดลอง และมีการใช้จริงในจีน และมีการทดสอบกับเซลล์โดยตรงของโควิด แต่ก่อนนั้น พวกไวรัสทางเดินหายใจ ฟ้าทะลายโจรดีกับระบบทางเดินหายใจอักเสบเฉียบพลันตอนบน และนิวมอเนียด้วย เพราะฉะนั้นมันเป็นสมุนไพรที่มาไกลมาก มีการวิจัยในคน มีการวิจัยถึงการรักษาโรคทางเดินหายใจอักเสบทั้งส่วนบนและนิวมอเนีย เมื่อประมวลทั้งหมดแล้ว ฟ้าทะลายโจรเป็นทางเลือกสำหรับประเทศไทยส่วนเรื่องความปลอดภัย ฟ้าทะลายโจรมีความปลอดภัยสูงมาก ถ้าเทียบกับบอระเพ็ด ซึ่งมีความเป็นพิษต่อตับสูงกว่า แต่ยาทุกตัวก็มีผลข้างเคียงที่เราต้องระวัง”
อย่าให้ ‘แพทย์แผนไทย’ หลุดระบบราชการ
ปิดท้ายที่ประเด็นเรื่องบุคลากรด้าน “แพทย์แผนไทย” ซึ่ง ภญ.ดร.สุภาภรณ์ เน้นย้ำถึงความสำคัญในการบรรจุเข้าสู่ “ระบบราชการ” ไม่เช่นนั้น บุคลากรที่มีคุณค่าเหล่านี้จะต้องหลุดไปอยู่ส่วนอื่นที่ไม่ได้ใช้ศักยภาพของตนเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่
“การใช้ประโยชน์เรื่องแพทย์แผนไทยในเรื่องของการปฏิบัติ เรามีแค่ตำรา ในขณะที่แพทย์แผนตะวันตก เรามีทั้ง รพ.แพทย์แผนตะวันตก มหาวิทยาลัยแพทย์แผนตะวันตก กระทรวงก็ของแพทย์แผนตะวันตกทั้งหมด เพิ่งจะมีกรมการแพทย์แผนไทยเล็กๆ เมื่อ พ.ศ.2546 การพลิกฟื้นเอาองค์ความรู้กลับมา มันมีตำรับตำรา ทุกอย่างมีเป็นกระดาษหมด แต่บางคนก็ดูถูก
เรามีความจำเป็นต้องให้เกิดความต่อเนื่องของความรู้ นำสิ่งที่อยู่ในคัมภีร์หรือองค์ความรู้ต่างๆ มาปฏิบัติ และพัฒนาให้เข้มแข็ง เพื่อให้ความรู้ในแผ่นดินถูกนำมาใช้ได้อย่างเข้มแข็ง เป็นวิทยาศาสตร์ ต่อยอดไปดูแลสุขภาพของประชาชน
แพทย์แผนไทย ไม่ใช่แค่เปิดตำราแล้วใช้ได้ แต่ต้องมีความต่อเนื่อง มีความชำนาญ ถ้าไม่มีตำแหน่งประจำ เขาก็หลุดออกไปอยู่ตามสปา สถานบริการสุขภาพด้านการนวด แต่เรามีภูมิปัญญามากมาย ศาสตร์มากมายที่กระจัดกระจายอยู่ ถ้าไม่นำมาปฏิบัติในสถานบริการของรัฐมันจะค่อยๆ หายไป แล้วก็ไม่ได้ยั่งยืนต่อยอดได้เหมือนจีน เพราะฉะนั้น การต้องมีข้าราชการแพทย์แผนไทยในระบบราชการ จึงมีความจำเป็นอย่างมาก ทั้งระยะสั้น ระยะยาว”
ส่วนประเด็นความมั่นคงทางยา ภญ.ดร.สุภาภรณ์บอกว่า เตรียมการมายาวนานระยะหนึ่ง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ รักษาได้เร็ว
ทำให้ “โคตรภูมิใจ” ที่ระบบสาธารณสุขของไทยให้ความปลอดภัยกับคนไทยได้อย่างรวดเร็ว
ที่มา | หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | สร้อยดอกหมาก สุกกทันต์ |