นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนในสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยหลังจากมีการสนับสนุนมาตรการทำงานจากที่บ้าน (เวิร์กฟรอมโฮม) ทำให้ปริมาณการใช้งานทั้งอินเตอร์เน็ตบ้าน และอินเตอร์เน็ตมือถือสูงขึ้น จึงได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ในการพิจารณาลดอัตราค่าบริการ เพื่ออำนวยความสะดวกและบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า จากการหารือร่วมโอเปอเรเตอร์ทั้ง 5 ราย ได้แก่ ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค, บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ถึงมาตรการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประชาชนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในช่วงวิกฤตโควิด-19 ได้มีมติให้สิทธิ์ประชาชนโทรฟรีทุกเครือข่ายจำนวน 100 นาที ซึ่งสามารถกดรับสิทธิ์ได้ระหว่างวันที่ 1-15 พฤษภาคม 2563 โดยกด *170* ตามด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักที่ใช้ลงทะเบียนซิม ตามด้วยเครื่องหมาย # และโทรออก ทั้งนี้ เริ่มใช้งานได้ทันทีหลังได้รับเอสเอ็มเอสยืนยันเป็นเวลา 45 วัน และสิทธิ์นี้สำหรับบุคคลธรรมดา 1 สิทธิ์ต่อ 1 เครือข่าย นิติบุคคลและชาวต่างชาติจะไม่ได้รับสิทธิ์
“มาตรการดังกล่าวโอเปอเรเตอร์ยินดีน้อมรับตามข้อเสนอของรัฐบาล โดยไม่ได้มีการจ่ายเงินอุดหนุนแต่อย่างใด ทั้งนี้ คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์จำนวน 50 ล้านเลขหมาย ซึ่งเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ใช้บริการในระบบเติมเงิน (พรีเพด) ซึ่งจากข้อมูลพบว่า 70% เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด ผู้ใช้บริการที่อยู่ในเมือง ที่ต้องโทรกลับบ้าน โทรหา พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง หรือติดต่อสื่อสารกันโดยใช้การโทรติดต่อสื่อสารกันผ่านระบบเสียง เพื่อสอบถามข่าวคราว พูดคุย ในช่วงที่ไม่สามารถเดินทางไปหากันได้ในช่วงเวลานี้” นายฐากร กล่าว
นายฐากร กล่าวว่า สำหรับการดำเนินโครงการเพิ่มอินเตอร์มือถือเพิ่มฟรี 10 กิกะไบต์ และอัพสปีดอินเตอร์เน็ตบ้านเป็น 100 เมกะบิต จนถึงสิ้นสุดโครงการในวันที่ 30 เมษายน 2563 คาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 20 ล้านเลขหมาย
3.ตัวช่วยคนช่างกิน เพราะจิงจูฉ่ายมีสรรพคุณช่วยในเรื่องของการขับลมในลำไส้และกระเพาะอาหาร จึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยลดอาการจุกเสียด แน่นเฟ้อ เพราะอาหารไม่ย่อยจากมื้ออาหารแบบจัดหนักได้
4.ต้านมะเร็งร้าย ขอย้ำว่าไม่ใช่การรักษาโรคมะเร็ง! เพียงแต่มีการวิจัยที่นำใบจิงจูฉ่ายประมาณ 1 กำมือ มาปั่นหรือตำคั้นน้ำเพื่อรับประทานเช้า-เย็นก่อนมื้ออาหารสัก 1 ชั่วโมง ติดต่อกันเป็นเวลา 2–3 เดือน ว่ากันว่าจะสามารถช่วยต้านทานต่อเซลล์มะเร็งได้ แต่ยังไงก็ต้องดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย และเลือกกินอาหารที่ดีด้วย
5.สรรพคุณทางยาอื่นๆ ที่น่าสนใจ ว่ากันว่าจิงจูฉ่ายมีสรรพคุณช่วยขับพิษ แก้อาการอักเสบของผิวหนัง ช่วยลดอาการผดผื่นคัน นอกจากนี้ยังเป็นพืชที่มีโซเดียมต่ำเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคไต และยังช่วยในการฆ่าไวรัส เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคมาลาเรียได้อีกทาง
ที่มา : มติชนออนไลน์
