ราคาน้ำมันดิบซื้อขายล่วงหน้า “ติดลบ” เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เหตุจากมาตรการล็อกดาวน์ “โควิด-19” ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกลดฮวบ ขณะที่ซัพพลายล้นทะลักกระทั่งจะไม่มีคลังจัดเก็บ
ดีมานด์น้ำมันดิ่ง สต๊อกท่วม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (สัญญาฟิวเจอร์ส) น้ำมันดิบ WTI ที่ส่งมอบเดือน พ.ค. เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2563 ลดลงกว่า 300% จากวันก่อนหน้า โดยลงไปทำจุดต่ำสุดที่ -40.32 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และปิดตัวที่ระดับ -37.63 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เกิดจากความกังวลทางดีมานด์ทั่วโลกที่หายไปกว่า 30 ล้านบาร์เรล/วัน ส่งผลให้เกิดซัพพลายส่วนเกินจำนวนหลายล้านบาร์เรล/วัน ทำให้สต๊อกท่วมคลังน้ำมันดิบทั่วโลก
บิสซิเนส อินไซเดอร์ระบุว่า สหรัฐเป็นประเทศที่เผชิญกับสถาณการณ์น้ำมันสต๊อกล้นคลังที่รุนแรงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศพลังงานสหรัฐ (อีไอเอ) ระบุว่า แหล่งเก็บน้ำมันที่สำคัญของประเทศที่รัฐโอคลาโฮมา มีประมาณสต๊อกเพิ่มขึ้นถึง 48% จากช่วงปลายเดือน ก.พ. 2563 โดยปัจจุบันมีน้ำมันดิบในคลังที่ 55 ล้านบาร์เรล จากปริมาณซัพพลายน้ำมันส่วนเกินของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก S&P Global Platts Analytics ชี้ว่า คลังเก็บน้ำมันสำรองของสหรัฐจะเต็มความจุภายในเวลาไม่เกิน 3 สัปดาห์ ขณะที่บทวิเคราะห์บางแห่งชี้ว่าจะเต็มภายในไม่กี่วันนี้
เทขายสัญญาก่อนหมดอายุ
เนื่องจากสัญญาฟิวเจอร์สจะหมดอายุลงในวันที่ 21 เม.ย. 2563 ทำให้มีวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบาง และในช่วงเวลาก่อนปิดตลาดซื้อขายเมื่อ 20 เม.ย. เกิดแรงเทขายสัญญาซื้อ (long position) ออกมา เนื่องจากไม่ต้องการรับการส่งมอบน้ำมันดิบจากความกังวลที่คลังเก็บน้ำมันกำลังจะเต็ม รวมถึงไม่ต้องการต่ออายุสัญญา (roll over) เนื่องจากเกรงว่าราคาน้ำมันอาจลดลงอีกในอนาคต ส่งผลให้เกิดแรงเทขายสัญญาฟิวเจอร์ส ภายในช่วงสุดท้ายก่อนการหมดอายุที่มีวอลุ่มการซื้อขายเบาบาง ทำให้ราคาร่วงลงอย่างรุนแรงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ยักษ์น้ำมันสิงคโปร์ขาดทุนหนัก
บลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาฟิวเจอร์สน้ำมันร่วงลงอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อผู้ซื้อขายสัญญาในตลาด โดยล่าสุดบริษัท Hin Leong ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ของสิงคโปร์กำลังประสบปัญหาขาดทุนจากการซื้อขายสัญญาน้ำมันล่วงหน้ากว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเกิดจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างรุนแรงนับตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้บริษัทแห่งนี้ได้ยื่นขอล้มละลายเพื่อพิทักษ์สินทรัพย์ จากกรณีการติดค้างชำระหนี้ธนาคารมากกว่า 20 แห่ง มูลค่ารวม 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
น้ำมันสหรัฐเข้าคิวล้มละลาย
ขณะที่ปัจจุบันราคาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบสหรัฐ ประจำเดือน มิ.ย.อยู่ที่ระดับราว 20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง หากสถานการณ์ทั้งดีมานด์ลดลง รวมถึงสถานที่การจัดเก็บยังไม่ดีขึ้น ซึ่งงานวิจัยจาก Dallas Federal Energy Survey ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบที่เป็นจุดคุ้มทุนของบริษัทน้ำมันสหรัฐ เฉลี่ยอยู่ที่ 48-54 เหรียญ/บาร์เรล
ดังนั้น ราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงย่อมส่งผลต่อบริษัทน้ำมันสหรัฐซึ่งมีภาระหนี้ที่สูงมาก โดยซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างอิงบทวิจัยจาก Rystad Energy ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล จะส่งผลให้บริษัทน้ำมันในสหรัฐ 533 แห่ง ถูกยื่นฟ้องล้มละลาย โดยบริษัทเหล่านี้มีหนี้สินรวมราว 70,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2563 และอีก 177,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 ที่จะถูกเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้
ขณะที่หากราคาลดลงถึง 10 เหรียญ/บาร์เรล จะส่งผลให้บริษัทน้ำมันในสหรัฐกว่า 1,100 แห่ง ต้องยื่นล้มละลาย โดยเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท Whiting Petroleum ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ที่โคโลราโด สหรัฐอเมริกา ได้ยื่นขอล้มละลายไปแล้ว
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์