‘หน้ากาก’ แต่ละชนิด คุณสมบัติต่างกันอย่างไร?

Tips & Tricks สารพันเกร็ดน่ารู้

ใส่หน้ากาก ต้องดูที่งาน เพราะหน้ากากแต่ละประเภท มีคุณสมบัติป้องกันฝุ่น ไวรัส ได้ต่างกัน

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ส่งผลให้คนไทยเริ่มชินกับการ ใส่หน้ากาก อนามัย หนึ่งวิธีในการป้องกันตัวเองเบื้องต้น

และเมื่อหน้ากากอนามัยขาดแคลน และเริ่มมีการทำหน้ากากผ้าออกมาจำหน่าย โดยใช้ชนิดของผ้าที่แตกต่างกัน บางคนก็ทำใช้เองเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังช่วยลดปัญหาขยะหน้ากากอนามัยที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ในขณะนี้ได้

หน้ากากอนามัยที่ดี ควรมีคุณสมบัติอย่างไร ? แพทย์หญิงศุภรัตนา คุณานุสนธิ์ กุมารแพทย์ กล่าวว่า หน้ากากอนามัยที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้ 1.ป้องกันน้ำผ่านได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ 2.ป้องกันอนุภาคขนาด 3 ไมครอน ได้อย่างน้อย 95 เปอร์เซ็นต์ 3.ใส่กระชับใบหน้าจึงควรมีให้เลือกหลายขนาดให้เหมาะสมกับผู้สวมใส่ตามเพศและวัย 4.ใส่แล้วยังหายใจได้ไม่อึดอัดเกินไป

ปัจจุบันหน้ากากที่ได้รับความนิยมมีหลายชนิด

1.หน้ากาก N95 เป็นหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับ มักใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลที่มีโอกาสเสี่ยงพบผู้ป่วยมาก

ประสิทธิภาพในการป้องกันของหน้ากากนี้จะสูงกว่าหน้ากากอนามัยแบบทั่วไป เพราะสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5, PM 10 และเชื้อโรคที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน และป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้สูง แต่อาจจะไม่เป็นที่นิยมสำหรับกลุ่มคนทั่วไปเพราะหายใจได้ไม่สะดวก และไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้

2.หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ เป็นหน้ากากที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ใส่แล้วหายใจสะดวก ช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคและแบคทีเรียจากการไอหรือจามได้

4.หน้ากากผ้า เป็นหน้ากากกันฝุ่นที่ใช้ซ้ำได้ ซักทำความสะอาดแล้วนำมาใส่ซ้ำได้ สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ แต่ป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เพียงเล็กน้อย

5.หน้ากากผ้าฝังนาโนซิงค์ออกไซด์ พร้อมผ้าเคลือบเทฟลอน ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เริ่มมีการพูดถึง การใช้นาโนซิงค์ออกไซด์ฝังเข้าไปในเส้นใยมีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ส่วนด้านนอกเคลือบเทฟลอนด้วยคุณสมบัติกันน้ำ ไม่ซึมน้ำ จึงเป็นที่น่าสนใจมากกว่าผ้าดิบ หรือผ้ามัสลิน

ทั้งนี้ การเลือกซื้อ หรือใช้หน้ากากเพื่อป้องกันเชื้อโรค หรือฝุ่นละออง ขอให้ใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบในการเลือกหน้ากากจากแหล่งผู้ขายที่มีความน่าเชื่อถือ และมีข้อมูลยืนยันการทดสอบประสิทธิภาพจริง

เพื่อให้การ ใส่หน้ากาก ที่มีคุณสมบัติในการป้องกัน ยับยั้งฝุ่นและเชื้อโรคที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย ป้องกันได้จริง และไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
อย่างไรก็ตาม

การ ใส่หน้ากาก อนามัยไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ 100% ขึ้นอยู่กับคุณภาพและการเลือกใช้วัสดุ รวมถึงวิธีการใช้อย่างถูกต้องด้วย

การใส่หน้ากากอนามัยจึงช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสจากการไอหรือจามในระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งผู้ใช้ยังมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อได้

ที่มา : ข่าวสดออนไลน์