ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2563 ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครครั้งที่13/2563 มีพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม.เป็นประธาน ได้พิจารณามาตรการผ่อนปรนกิจการ-กิจกรรมป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระยะที่3 จะเริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป
หลังสถานการณ์ในเดือนพ.ค. ในพื้นที่กทม.พบผู้ป่วยใหม่ 9 ราย ซึ่งสถิติลดลงกว่า55% จากเดือนเม.ย. จึงเป็นที่มาทำไมถึงมีผ่อนปรนเพิ่มเติมเปิดสถานที่ต่างๆ มี 17สถานที่ มีแตกต่างจากมาตรการของรัฐไปบ้าง
1. ร้านอาหาร เปิดผ่อนปรนตั้งแต่เฟสแรก มีการแพร่ระบาดค่อนข้างมาก จึงมีมาตรการเข้มข้น มีเทเบิลชิลหรือเว้นระยะทางบนโต๊ะ 1-1.5 เมตร แต่ตอนนี้จะอนุโลมมากขึ้นให้สามารถนั่งรับประทานร่วมกันได้ แต่ต้องมีการเว้นระยะห่าง 1 เมตร หลักการไม่ให้หนาแน่นมากเกินไป ไม่จำกัดคนแต่ละโต๊ะ แต่จำกัดความหนาแน่นโดยเว้นระยะห่างเก้าอี้ เพื่อให้ประชาชนออกมาทานนอกบ้านได้มากขึ้น
2. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ให้มีการเปิดได้มากขึ้นถึง21.00 น. ทางกทม. รัฐบาลคุยกับผู้ประกอบการแล้ว ให้บริหารจัดการหลังร้านให้พนักงานกลับบ้านได้ทัน ไม่เกินเวลาเคอร์ฟิว
3. ร้านตัดผม เสริมสวย แต่งผม ผ่อนผันให้เปิดบริการได้ทุกอย่าง แต่จำกัดเวลาใช้บริการครั้งละไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อถ่ายเทอากาศ ทำความสะอาดทุก 2 ชั่วโมง และผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการต้องใส่หน้ากากอนามัยหรือผ้าตลอดเวลา
4. สถานเสริมความงาม สถานบริการสักผิวหนัง ให้บริการได้ทุกกิจกรรม แต่ต้องจำกัดการบริการไม่เกิน2 ชั่วโมง ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัย
ซึ่งกทม.เพิ่มให้ส่วนของผู้ให้บริการหรือหมอต้องใส่เฟซชิลด์ด้วย และมีลงทะเบียนทุกครั้ง ส่วนบริเวณปากหากจะทำหน้า จะต้องให้ผู้ให้บริการประยุกต์หาวิธีป้องกันเพื่อป้องกันลมหายใจ
5. ฟิตเนสนอกห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าและคอมมิวนิตี้มอลล์ รวมถึงในห้าง ผ่อนปรนให้เปิดเล่นทุกกิจกรรม จำกัดจำนวนผู้เล่น เว้นระยะห่างเครื่องเล่นประมาณ 2 เมตร จำกัดเวลาเล่นครั้งละไม่เกิน 2 ชั่วโมง เพื่อทำความสะอาด งดการอบตัว อบไอน้ำ
6. ผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ โรงเรียน สถาบันการศึกษา ตอนนี้ยังไม่มีการให้เปิดเทอมเต็มรูปแบบ แต่ให้เตรียมการศึกษา ความพร้อมหลักสูตร การประชุมครูสามารถทำได้ แต่ยังไม่ให้นำนักเรียนเข้าห้องเรียน
ส่วนโรงเรียนเอกชนนอกระบบ สอนวิชาชีพ ศิลปะและกีฬา สามารถเปิดได้แต่ต้องเป็นกีฬาที่ผ่อนผันแล้ว เช่น แบดมินตัน ตะกร้อ ปิงปอง สควอตและอื่นๆ แต่ต้องทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากทุกครั้ง
7. การจัดแสดงสินค้า นิทรรศการ ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า สถานที่ต้องมีขนาดไม่เกิน 20,000 ตารางเมตร จำกัดสูงสุด 5,000 คน จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมตามขนาดพื้นที่ คือ ไม่น้อยกว่า 4 ตารางเมตรต่อคน เว้นระยะห่างที่นั่ง ยืน ไม่น้อยกว่า 1 เมตร และเปิดบริการได้ถึงเวลา 21.00 น.
8. ศูนย์พระเครื่อง พระบูชา สามารถเปิดได้ แต่ไม่มีจัดสัมมนา ประกวด รวมกลุ่มเพื่อการจองเช่าพระ วัตถุมงคล แต่ถ้าเป็นการส่องพระเช่าพระสามารถทำได้
9. ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน จะให้เปิดได้เพื่อดูแลเด็ก เนื่องจากขณะนี้มีเด็กไม่ได้ไปโรงเรียน บางส่วนอยู่บ้าน จะให้เปิดศูนย์ทำการประกอบเลี้ยง ทำอาหาร นม ให้เด็กตามบ้านหรือให้ผู้ปกครองมารับตามศูนย์ แต่ไม่รับเลี้ยงทั้งวัน
10. สถานประกอบการนวดเพื่อสุขภาพ นวดแผนไทย สปา ให้เปิดได้เต็มรูปแบบ แต่ห้ามนวดบริเวณใบหน้า อบตัว อบสมุนไพรแบบรวมหลายๆคน ไม่ให้เปิดสถานที่ประเภทอาบน้ำ อบนวด และจำกัดการใช้บริการไม่เกิน2 ชั่วโมง และผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา ยกเว้นขณะอบตัวหรืออบไอน้ำ ต้องทำตามที่กำหนด
11. สถานที่ฝึกซ้อมมวย โรงยิม ค่ายมวย ให้เปิดเฉพาะฝึกซ้อมนักมวย ชกล่อเป้า ชกลมได้ แต่ยังไม่ให้ชกหรือซ้อมกันเอง เพราะยังมีความใกล้ชิดค่อนข้างมาก อาจจะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดได้
12. สนามกีฬา ได้อนุโลมประเภทกีฬามากขึ้น เช่น ฟุตบอล ฟุตซอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล แต่ต้องไม่มีการแข่งขัน ผู้เข้าร่วมกิจกรรมกีฬาจะต้องมีไม่เกิน 10 คน
13. สถานที่เล่นโบว์ลิ่ง สเก็ต โลโรเบต หรือการละเล่นอื่นๆ ให้มีการเปิดเฉพาะกิจกรรมให้การออกกำลังกาย หรือฝึกซ้อมเท่านั้น ไม่ให้มีการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นรวมตัวแข่งโบว์ลิ่งการกุศล ให้เว้นระยะห่างยืนและนังไม่น้อยกว่า 1 เมตร
14. สถาบันสอนลีลาศ หรือสถาบันลีลาศ ให้ใช้บริการไม่เกิน 5 ตารางเมตรต่อคน
15. สถานที่ให้บริการลักษณะกีฬาทางน้ำ เช่น เจตสกี ไทเซิร์ฟ บันนานาโบ้ต สามารถ เปิดดำเนินได้
16. โรงภาพยนต์ โรงมหรสพ ให้เปิดบริการได้ แต่จำกัดผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้ไม่เกิน 200 คน งดเว้นการจัดดนตรี คอนเสิร์ต หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่สุ่มเสี่ยง ทำให้คนมาใกล้ชิดกัน
17. สวนสัตว์หรือสถานที่จัดแสดงสัตว์ ให้เปิดดำเนินการได้แต่ต้องทำตามมาตรการของรัฐ
ร.ต.อ.พงศกร กล่าวอีกว่า สำหรับแอโรบิกในสวนสาธารณะ ยังไม่อนุญาต ด้านไทเก็กสามารถรำได้แต่ต้องรำเดี่ยว ไม่เป็นการรวมกลุ่ม โดยกทม.จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงขอความร่วมมือประชาชนเช็กอินผ่านแอปพลิเคชั่น“ไทยชนะ”ด้วย เพื่อติดตามประวัติผู้ใช้บริการในสถานีที่ต่างๆ