“ช่วงที่มีวิกฤตโควิด ยอดธุรกิจโตเกือบ 100%”
เสียงประสานจาก 3 รหัสนักขายมือทอง LEGACY(เลกาซี) ธุรกิจเครือข่าย ที่ทำสถิติยอดขายหลักล้านในเดือนเดียวกัน ที่น่าสนใจคือแต่ละคนโปรไฟล์หน้าที่การงานจัดว่าไม่ธรรมดา แต่ยอมโบกมือลางานประจำที่ใครๆก็ว่ามั่นคง มาทำธุรกิจเครือข่ายกับเลกาซี ที่พวกเขาเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ และมั่นคงมากกว่า ซึ่งในที่สุดพวกเขาก็ทำได้
ชีวาวัชญ์ จรัสนิรัติศัย หนุ่มอดีตนักข่าวสายการเมือง หนึ่งในมนุษย์เงินล้านของเลกาซี เผยว่า ทำงานเป็นนักข่าวสายการเมืองนาน 8 ปี จริงๆแล้วไม่คิดเลยว่าจะออกจากสายข่าวและมาทำธุรกิจเครือข่าย แต่อาจเป็นด้วยจังหวะของชีวิตที่เรารู้สึกว่าอยากหาอะไรทำเพิ่ม เพราะทุกวันที่เรากลับไปที่บ้าน เราเห็นพ่อกับแม่อายุมากขึ้น มีโรคคนแก่ ความดัน ปวดหัว ปวดหัวเข่า ก็เลยมาเริ่มคิดว่าเมื่อไหร่ที่เราจะให้พ่อแม่เราหยุดทำงาน เลยมองหาอะไรทำ จนกระทั่งมีพี่คนหนึ่งชวนทำธุรกิจเครือข่าย ทำควบคู่กับอาชีพผู้สื่อข่าวประมาณปีกว่าๆ ตอนนั้นมีเงินเดือนจากการเป็นผู้สื่อข่าวประมาณ 15,000 บาท เราทำธุรกิจเครือข่ายประมาณปีกว่า รายได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 60,000 บาทต่อเดือน ก็เลยคิดมาทำธุรกิจเครือข่ายเต็มเวลา
“ขนาดเราใช้เวลาหลังเลิกงานทำธุรกิจเครือข่าย ยังมีรายได้ประมาณนี้เลย ประกอบกับมีทีมงานเยอะมาก บางครั้งตอนกลางวันมีงานโทรมา แต่เรายังสัมภาษณ์นักการเมืองอยู่ หรืออยู่ในห้องประชุมรัฐสภา ไม่สะดวกรับโทรศัพท์ เลยปรึกษาพ่อว่าจะลาออก ตอนแรกพ่อทัดทานเกรงว่าจะไม่มั่นคง แต่เราก็คุยกับพ่อว่าเรามุ่งมั่นที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ เลยมาทำตรงนี้ ตอนนี้อยู่เลกาซี่มา 5 ปีกว่าตั้งแต่เริ่มเปิดใหม่ๆ
“จากเดิมเราไม่คิดว่าจะมาทำธุรกิจเครือข่าย แต่คิดว่าอาชีพนี้มีอนาคต เราก็มาดูว่าต้องใช้ทักษะอะไรถึงประสบความสำเร็จ ตอนแรกเราได้เงิน สักพักทีมงานเราได้เงินด้วย ทีมงานหลายคนเริ่มให้เงินพ่อแม่ได้ เราเริ่มรู้สึกว่าอาชีพนี้เป็นประโยชน์กับคนอื่นได้นะ”
ชีวาวัชญ์ เผยถึงเคล็ดลับการได้เป็นมนุษย์เงินล้านของเลกาซี ว่า ต้องพัฒนาตัวเองเพื่อดูแลคนอื่นให้ประสบความสำเร็จ มีทัศนคติเชิงบวก เป็นคนดี และเป็นแบบอย่างให้คนในทีม นอกจากนี้ธุรกิจเครือข่ายจะไปได้ไกลแค่ไหนอยู่ที่หลายปัจจัย โค้ชที่ดูแลเป็นใคร มีการพัฒนาตัวเองแค่ไหน ผมโชคดีที่มีโค้ชดี และผมไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง
เมื่อถามว่าวิกฤตโควิดทำให้ธุรกิจได้รับผลกระทบไหม ชีวาวัชญ์ บอกว่า ได้รับผลกระทบในเชิงบวก ทุกคนอยู่บ้าน เราขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในบ้าน ขายวิตามินที่ทุกคนใช้ เวลาเขาออกไปนอกบ้านไม่ได้ เขาก็ต้องการโปรตีนที่มีคุณภาพ เวลาเขาไปซื้อผักผลไม้ไม่ได้ เขาก็ต้องการวิตามินและแร่ธาตุ ก็เลยทำให้เราได้รับผลกระทบเชิงบวก
“ธุรกิจของเราคือการสอนคน เพื่อให้มีความรู้ในการทำอาชีพนี้ แต่เมื่อเรามานั่งประชุมกันไม่ได้ มันเลยทำให้เรามีสกิลในเรื่องการใช้เครื่องมือออนไลน์ในการประชุม กลายเป็นว่ามีคนเข้าประชุมมากขึ้น จากเดิมประมาณ 200 คน เพิ่มเป็น 2,000-3,000 คน กลายเป็นว่าคนที่อยู่เหนือสุดใต้สุดสามารถเข้าใจธุรกิจ เลยทำให้ยอดธุรกิจช่วงที่ผ่านมา 4 เดือน เติบโตอย่างถล่มทลาย เช่นเดียวกับของผมเติบโตเกือบ100%” ชีวาวัชญ์ เผย
มาถึงอดีตวิศวกรหนุ่ม คุณธรรม เสงี่ยมเนตร มนุษย์เงินล้านเลกาซีอีกคน ที่ยอมปล่อยมือจากงานประจำในบริษัทรถยนต์ มาทำธุรกิจเครือข่ายกับเลกาซี บอกเล่าจุดที่ทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนได้อย่างน่าสนใจ ว่า ผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือการมีชีวิตที่ดี เราตัดสินใจว่า วันหนึ่งเราต้องการรายได้มากกว่าเดิม คำถามคือ ถ้าผมเป็นวิศวกร ตอนนั้นรายได้เราเกือบ 50,000 บาท เป็นกำแพงที่สูง แต่เราไม่ได้คิดแค่นั้น เขาบอกว่าจงคิดให้ไกลกว่าตัวเอง ผมคิดว่าแล้วถ้าเราอยากมีรายได้หลักแสนล่ะ เราเห็นรุ่นพี่ที่ทำงานอยู่ด้วยกัน กว่าจะมีรายได้หลักแสนก็ต้องอายุ40ปีขึ้นไป
“แต่เรารอไม่ไหว เรามาบวกลบคูณหารกับอายุพ่อแม่เราแล้ว กว่าจะถึงวันนั้น ผมว่าพ่อแม่เราไปก่อน เพราะฉะนั้นเงินเดือนที่เราได้ เราอาจจะแค่สร้างความมั่นใจ ไม่ใช่ความมั่นคงแท้จริง เงินในกระเป๋าต่างหากที่สร้างความมั่นคง ผมจึงตั้งเป้าหมายว่า ถ้างานนี้มันเวิร์กจริง มีรายได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า ผมตัดสินใจลาออกเลย ตอนนั้นถามว่ามันสำเร็จชัวร์ไหม มันไม่ชัวร์ แต่บางทีชีวิตมันเหมือนเรือ ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาให้จอดอยู่ที่ท่า เพราะฉะนั้นเราต้องกล้า มันต้องทำจนพร้อมก่อน ช่วงแรกทำงานประจำกับธุรกิจเครือข่ายควบคู่กัน แต่วันที่เรามีรายได้มากกว่าเดิม เราก็รู้สึกได้ว่าเราเสี่ยงได้ละ เราก็ตัดสินใจออกมา ในวันที่มีรายได้ประมาณเดือนละ 100,000 บาท”อดีตวิศวกรเผย
เมื่อถามถึงธุรกิจเครือข่ายมักถูกมองในภาพลบ คุณธรรม บอกว่า ธุรกิจเครือข่ายคือผ้าขี้ริ้วห่อทอง ผมจะเอาทองออกมาให้ได้ อธิบายให้คนอื่นเข้าใจ ด้วยเนื้อของแผนการตลาด มันเป็นเรื่องของการสร้างแฟรนไชส์ เราตัดสินสิ่งนั้นด้วยผลลัพธ์ก่อนว่าเนื้อของงานคืออะไร เราจะดูที่ผลลัพธ์หรือดูที่ภาพลักษณ์ก่อน ถ้าเกิดว่าอยากยกเก้าอี้100ตัว มีคน1คน ใช้เวลาประมาณ 100 นาที แต่สมมุติว่าผมอยากจะยกเก้าอี้ 100 ตัว ผมมีคน 100 คน ผมใช้เวลาแค่ 1 นาที นี่คือความลับที่โลกยุคปัจจุบันคนส่วนใหญ่ไม่ทราบ แต่คนรวยเท่านั้นที่จะรู้ คือใช้พลังเครือข่ายในการสร้างความสำเร็จ
“เพราะฉะนั้นถ้าเราสามารถเดินข้ามผ่านคนจำนวนมากที่ไม่เข้าใจได้ และเปลี่ยนให้เขาเข้าใจได้ นี่คืองานนี้ แต่เป็นงานที่มีมูลค่ามาก งานบางงานเราขยันเต็มที่เลย บางงานในกรอบความคิดเดิมๆ เราอาจจะได้หลักหมื่น แต่ถ้าเราเปลี่ยนความคิดใหม่ มานั่งฝั่งตรงข้าม มองเห็นเลข 6กับมองเห็นเลข9 คนมองคนละมุมเท่านั้นเอง หน้าที่ของเราคือการไปนั่งฝั่งเขาและอธิบายให้เข้าใจว่าธุรกิจเครือข่ายคือช่องทางจำหน่าย ที่วันนี้ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ได้ ดังนั้นสิ่งที่มันไม่ชอบ มันก็ไม่มี พอเขาเห็นมุมนี้ ธุรกิจนี้เปิดกว้างให้กับทุกคน นี่คือโอกาสสำหรับคนมากมาย” คุณธรรมกล่าว และว่า
ธุรกิจนี้มั่นคงมาก ถ้าเรามีเสาหลายต้น โครงสร้างนี้จะมั่นคงและแข็งแรง หน้าที่ของผมคือการดูแลให้ผู้บริโภคมีการซื้อซ้ำ สินค้าดี บริษัทดี เราดูแลลูกค้าดี ระบบในการดูแลลูกค้าดี แน่นอนเขาจะซื้อซ้ำ ต่อมาคือนักธุรกิจที่เขาใช้สินค้าและยังคงดูแลผู้บริโภคของเขา และเขายังมีรายได้ ก็ยิ่งทำให้มั่นคงขึ้นไปอีก ถามว่าจะดูแลยังไงให้มั่นคง ก็ต้องมีผู้นำซึ่งถูกสร้างด้วยระบบ คือจุดแข็ง ระบบของเราคือ S55
ถามถึงการเติบโตของธุรกิจเครือข่ายในช่วงวิกฤตโควิด คุณธรรม บอกว่า สำหรับผมในทุกวิกฤตมีโอกาส เศรษฐกิจยุคปัจจุบันธุรกิจอะไรที่เติบโตได้ มันคือธุรกิจที่แก้ปัญหาให้กับคนจำนวนมาก ไลน์แมน แกรป แอปเปิ้ล เพราะคนกำลังปรับตัว ดังนั้นธุรกิจเลกาซีคือธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาให้ทุกคนได้มากกว่าเดิมหรือเปล่า ในงานศพยังมีคนขายพวงหรีดเลย
คำถามคือเราเห็นอะไรจากตรงนั้น ถ้าเรายังมีความสามารถในการตกปลา ปลาแค่เปลี่ยนที่ว่าย หน้าที่ของเราคือ ใช้ความสามารถเดิมไปเปลี่ยนน่านน้ำในการจับปลา เลกาซีมีความยืดหยุ่นสูงมาก ต้องบอกว่าโครงสร้างของธุรกิจเลกาซี เป็นโครงสร้างที่มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมรับกับทุกสถานการณ์ พอเราเปลี่ยนจากสิ่งที่เราทำเดิมๆ เชื่อไหมว่า ในช่วงที่ผ่านมา เราทำแบบออฟไลน์ประมาณ 90% ไม่เคยทำออนไลน์เลย แต่พอเกิดวิกฤตโควิด เมื่อเราตั้งรับแน่น เรารู้วิธีการแก้ปัญหา เข้าสู่ออนไลน์แบบ100% กลับกลายเป็นว่าธุรกิจ Reborn เกี่ยวกับสุขภาพ ธุรกิจความงาม ธุรกิจดีลิเวอรี่ ถูกมัดรวมกันมาทำแบบออนไลน์ จึงทำให้ทุกๆคนสามารถหาเงินเพิ่มได้หลังหน้าจอโทรศัพท์ และสุขภาพดีได้หลังหน้าจอคอมพิวเตอร์
“ช่วงวิกฤตโควิด 2-3 เดือนที่ผ่านมา มียอดเพิ่มขึ้น เฉพาะยอดธุรกิจที่ผมดูแลก่อนที่จะเจอวิกฤตโควิดประมาณ 25 ล้านบาทต่อเดือน พอเจอโควิดยอดเป็น 47 ล้านบาทต่อเดือน โตเกือบ100%ในส่วนของยอดสมัครสมาชิก ที่ผ่านมามียอดสมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นเดือนละประมาณ 1,500 คน ส่วนช่วงโควิดมียอดสมัครสมาชิกเพิ่มเดือนละเกือบ 3,000 คน คือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว เอาง่ายๆเราไม่ได้มีแค่ยอดขายอย่างเดียว เรามียอดสมัคร คือมีคน2กลุ่ม 1.กลุ่มคนที่เห็นคุณค่าของการใช้สินค้า และ2.กลุ่มคนที่เจอวิกฤตและอยากหาอะไรทำเพิ่ม คน2กลุ่มนี้เพิ่มเข้ามาอย่างมีนัยยะสำคัญ เพิ่มประมาณ 100%”
ส่วนมุมมองธุรกิจเครือข่ายในอนาคต คุณธรรม บอกว่า มีความท้าทายสูงมาก มันเหมือนกับพวกเราค้นพบสูตร เหมือนกับเรากดสูตรติด เราค้นพบว่า ถ้าตราบใดที่ยังมีความต้องการและบริษัทเรายังมีความยืดหยุ่น เรามีระบบในการดูแลคน เรามีการสอนงานที่ง่ายและสามารถเข้าถึงทุกคนได้ เป็น3สิ่งผนวกกัน ที่เราน่าจะสร้างยอดได้ในปีนี้ ธุรกิจเครือข่ายในปัจจุบันควรมียอดรวมประมาณแสนล้าน แต่เลกาซีหมุดแรกคือ3พันล้าน เพราะฉะนั้นในแง่ของส่วนแบ่งทางการตลาดยังไปได้อีกเป็น 10-20 เท่า ผมเป็นมนุษย์เงินล้านจากการสร้างทีมแค่ 10 จังหวัด หมายความว่ายังทำได้อีกไกลมาก และยิ่งปัจจุบันมันคือการผนวกรวมกับออนไลน์ตลาดยิ่งกว้างมากๆ
“วันนี้มันอยู่ในโลกที่ปลาเร็วกินปลาช้า และปลาเก่งคือปลาที่สามารถปรับตัวได้ไวในน้ำที่อุณหภูมิเปลี่ยน เพราะฉะนั้นผมมั่นใจว่า New Normal สำหรับเลกาซี่ คือยุคทศวรรษใหม่ของธุรกิจเครือข่ายด้วย” คุณธรรม กล่าวทิ้งท้าย
มาถึงรหัสที่สามมนุษย์เงินล้านของเลกาซี่ในเดือนนี้ เป็นการผนึกกำลังของสองสามีภรรยา ภก.สุวิทชัย แซ่ตั้ง อดีตผู้จัดการโรงงานผลิตยา และ รินทร์จิรา รัตนพันธวีร์ อดีตพยาบาลวิชาชีพ
คุณรินทร์จิรา เล่าว่า จบพยาบาลศาสตร์จากมหิดล ทำงานประจำอยู่แผนกไอซียูในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง 2 ปี อยากก้าวหน้าก็ตัดสินใจไปเรียนวิสัญญีต่อ ตอนนั้นเราขยันมากทำงานหลายโรงพยาบาลติดต่อกัน มีรายได้เดือนหนึ่ง 40,000 บาท เราอยู่ในวงการโรงพยาบาลประมาณ 10 ปี รู้สึกว่าสุขภาพแย่ ไม่มีเวลาพักผ่อน เริ่มป่วย บางวันทำงานแทบ24ชม. จากนั้นก็หาอาหารเสริมกินและได้ผล เราเลยเริ่มเปิดใจเข้ามาเรียนรู้ธุรกิจเครือข่าย ทำควบคู่กับงานประจำใช้เวลาประมาณ 2 ปี ก็มีรายได้หลักแสน ตอนที่ตัดสินใจลาออกมีรายได้เดือนละประมาณ 50,000 บาท พอลาออก2เดือน ก็มีรายได้หลักแสนต่อเดือน
ด้าน ภก.สุวิทชัย ซึ่งมีอาชีพการงานดี ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายผลิตและฝ่ายควบคุมคุณภาพ โรงงานผลิตยา3แห่ง แต่สุดท้ายหันมาเลือกธุรกิจเครือข่าย เผยถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้มาจาก2เหตุผล คือ 1. รายได้ต้องมากพอที่จะรับผิดชอบและมีความมั่นคง สามารถดูแลพ่อแม่ ครอบครัว และลูกได้ ต้องคำนึงถึงความมั่นคงในระยะยาว ซึ่งวิชาชีพเภสัชกรไม่มีกำลังพอ และ 2.อยากสร้างรายได้ ควบคู่กับการสร้างคุณค่า เดิมทีเหตุผลที่อยากเป็นเภสัชกร เพราะมีเป้าหมายว่าเรียนจบจะใช้ความรู้และความสามารถที่มีผลิตยาคุณภาพเพื่อรักษาโรคให้กับผู้ป่วย แต่หลายครั้งขณะทำงานในโรงงานผลิตยา ทางโรงงานกลับให้ความสำคัญคำว่ากำไรมากกว่าคุณภาพ ในทางกลับกันการสร้างรายได้ควบคู่กับการสร้างคุณค่า กลับเกิดจากการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งและลงมือทำในธุรกิจเลกาซี
อีกองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่ทำให้ผมเลือกเลกาซี คือ คุณวรรณ โชติกะวรรณ ผู้ก่อตั้ง เลกาซี เพราะทิศทางของบริษัทเป็นผลลัพธ์จาก mindset ของผู้ก่อตั้งบริษัท ทั้งวิสัยทัศน์ พันธกิจ และพันธสัญญา ที่จากนามธรรม ก่อเกิดเป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นจริง เห็นเป็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆตามการเติบโตของบริษัททำให้เชื่อมั่นได้ว่าเลกาซีจะเป็นธุรกิจที่มีการจ่ายผลตอบแทนที่ยุติธรรม มีสินค้าเป็นมาตรฐานสูงระดับ 3Hi มีจรรยาบรรณที่เข้มแข็งและเป็นธุรกิจ100ปีอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ช่วงวิกฤตโควิดทำให้เห็นว่าธุรกิจเครือข่ายเติบโตอย่างรวดเร็ว และน่าจะทะลุยอดนิวฮาย ในส่วนของผมปกติมียอดธุรกิจที่ดูแล 30 กว่าล้านบาท พอมีวิกฤตโควิดทำให้มียอดธุรกิจเพิ่มขึ้นมาเป็น 40 กว่าล้านบาท
เลกาซี จึงเป็นธุรกิจเครือข่ายที่น่าสนใจ ทั้งในเรื่องการเติบโต และการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในยุควิกฤตโควิด