คุณแอน-กิติวดี จันทร์น้อย อดีตผู้ประกาศข่าว มากประสบการณ์ วัย 49 ปี ปัจจุบันเธอใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก เป็นอัมพาตซีกซ้าย เพราะเส้นเลือดในสมองแตก ทุกวันนี้คุณแอนต้องหาเงินมาเพื่อเป็นค่ารักษาตัวด้วยการทำสบู่สมุนไพรขายในเฟซบุ๊ก สิ่งหนึ่งที่เธอบอกในระหว่างการสัมภาษณ์คือ “อยากใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไป ไม่ใช่คนเป็นอัมพาตแล้วโดนดูถูก”
ตามที่ได้เกริ่นไป คุณแอน โลดแล่นวงการสื่อสารมวลชนมานานหลายปี เธอเริ่มต้นอาชีพนักข่าวเมื่อปี 2537 ที่ไทยสกายทีวี กระทั่งโยกย้ายไปเป็นผู้สื่อข่าว และผู้ประกาศข่าวที่สถานีโทรทัศน์สีช่อง 3
“เข้าทำงานที่ช่อง 3 เมื่อปี 2538 พี่ๆ ที่ช่อง 3 น่ารักทุกคน สอนเราในหลายๆ เรื่อง ทั้งวิธีการสัมภาษณ์ การเขียนข่าว และการตัดต่อเทปข่าว หลังจากนั้นปี 2539 ย้ายไปทำงานที่ช่อง 11 สมัยนั้นได้รายงานสดเลือกตั้งผู้ว่า กทม. รวมทั้งฝึกทำสกู๊ปข่าว สิ่งที่ได้จากการทำงานที่นี่คือความอดทนและความอึด” คุณแอน เล่าถึงการทำงานสมัยเป็นนักข่าว
ต่อมาคุณแอนได้ย้ายมาเป็นผู้ประกาศข่าวที่ ททบ.5 อ่านข่าวกีฬา ข่าวราชสำนัก ทำรายการเยาวชน และทำข่าวทุกสายตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด คุณแอน บอกว่า เป็นช่วงชีวิตที่สนุกมากๆ แต่ได้ตัดสินใจลาออกมาแต่งงานมีครอบครัว โชคร้ายที่สามีป่วยเป็นมะเร็ง ส่วนตัวเองเป็นความดันโลหิตสูง และพักผ่อนน้อย มักมีอาการปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง
“กินยานอนพักแล้วหาย เห็นว่ายังทำอะไรได้ตามปกติ เลยคิดว่าไม่เป็นอะไร แต่ยังมีอาการหน้ามืด เจ็บหน้าอก และปวดต้นคอมากโดยหาสาเหตุไม่เจอ จนไปตรวจที่โรงพยาบาลโรคทรวงอก พบว่าเป็นโรคหยุดหายใจ ระหว่างนอนหลับขั้นรุนแรง มีผลทำให้ความดันไม่สามารถควบคุมได้ หลังจากตรวจได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์กว่าๆ พี่ก็เส้นเลือดในสมองแตก” อดีตนักข่าว เล่าถึงอาการป่วย
“พี่ตั้งตัวไม่ทัน จิตตก รักษาด้วยการผ่าตัดเปิดกะโหลกฉุกเฉิน ฟื้นขึ้นมาแขนขาด้านซ้ายใช้ไม่ได้ ใจจะขาดเลยตอนนั้น ใครไม่เป็นไม่รู้ความรู้สึกนั้นหรอก บางคนพูดให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ บอกว่าเป็นแค่นี้เดือนเดียวก็หาย เขาคิดว่าเราแกล้งป่วย แต่หมอบอกว่าคนที่เส้นเลือดในสมองแตกความหนักของอาการแต่ละคนไม่เท่ากัน ของพี่เป็นที่เส้นเลือดใหญ่ และเป็นในส่วนการเคลื่อนไหวเป็นอัมพาตซีกซ้าย พี่ต้องได้รับยาซึมเศร้า เพราะสภาพจิตใจบอบช้ำมาก พี่อยากใช้ชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไปไม่ใช่คนเป็นอัมพาตแล้วโดนดูถูก” คุณแอน เล่า
แต่ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดี เพราะคุณแอนได้สามีที่เคยหย่ากันไปแล้ว 8 ปี มาช่วยดูแล แบกรับภาระทุกอย่าง
“สามีพี่แบกรับภาระหนักทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา ดูแลลูกและคอยดูแลพี่ นอกจากนี้ยังได้กำลังใจจากหัวหน้า พี่ๆ เพื่อนๆ ร่วมงานที่ช่อง 3 ททบ.5 จากสาธิตจุฬาฯ และอีกหลายๆ คน ถ้าไม่ได้กำลังใจจากทุกคนที่เอ่ยมาไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง”
เพื่อหาค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่ากายภาพบำบัด และค่ายาที่ยังต้องจ่ายในทุกๆ เดือน คุณแอนได้ทำสบู่สมุนไพรขายเป็นรายได้ ทำเองทุกก้อนเท่าที่กำลังทำไหว
“พอดีรุ่นพี่มีสวนสมุนไพรเลยชวนมาทำสบู่หารายได้ มีสองกลิ่น คือ กลิ่นตะไคร้และกลิ่นเปลือกไม้ยูคาลิปตัส ทำมาช่วงหนึ่งแล้วก่อนเกิดโควิด โพสต์ขายในเฟซบุ๊กส่วนตัว ลูกค้ามาอุดหนุนเยอะเป็นพี่ๆ เพื่อนๆ ในเฟซบุ๊ก รายได้พอเป็นค่ากายภาพ ต้องไปทำที่ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ อาทิตย์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 1 พันกว่าบาท ส่วนค่ายาก็หลักหมื่นบาทต่อเดือน”
พอเกิดโควิด คุณแอนได้เข้าไปโพสต์ฝากร้านในกลุ่มฝากร้าน จุฬามาร์เก็ตเพลส กลุ่มตลาดนัดนักข่าว เพราะมีพี่ๆ ชวนเข้าไปโพสต์ นอกจากสบู่แล้ว ยังโพสต์ขายสินค้าชนิดอื่น เช่น เครื่องทำขนม ชุดทดลองวิทย์สำหรับเด็ก และขนมเปี๊ยะ ซึ่งสินค้าส่วนนี้ คุณแอนบอกว่าได้ลูกสาววัย 15 หาของมาช่วยขาย ซึ่งของทุกอย่างยังขายดีเหมือนเดิม
“เหนื่อยมาก มีภาระหลายอย่างให้เป็นห่วง ตอนนี้ได้กำลังใจจากครอบครัวให้สู้ต่อ” คุณแอน ทิ้งท้าย
สามารถติดต่อได้ที่ เฟซบุ๊ก kittivadee chandranoi
ที่มา : เส้นทางเศรษฐีออนไลน์