สัญญาณบวกไทยเที่ยวไทยหนุนโรงแรม 4-5 ดาวรัศมี 300 กม.รอบกรุงคึก ทั้งหัวหิน-พัทยา-ระยอง-ราชบุรี-กาญจน์-เขาใหญ่ อัดโปรดันยอดบุ๊กกิ้งพุ่ง บิ๊กแบรนด์ “ดุสิตธานี-อนันตรา-เชอราตัน” ยอดจองช่วงวีกเอนด์ทะลุ 100% ส่วน “ภูเก็ต-เชียงใหม่” ยังเหนื่อย คนไทยไม่มั่นใจเดินทางเครื่องบิน แถมราคาตั๋วแพงขึ้นไม่เอื้อ
แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจนำเที่ยวเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศคลายล็อกให้คนไทยเดินทางข้ามจังหวัดได้ ทำให้คนไทยจำนวนมากออกเดินทางเพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อนคลายความอึดอัดจากการล็อกดาวน์ประเทศราว 3 เดือน (มี.ค.-พ.ค. 2563) โดยโลเกชั่นที่ได้รับอานิสงส์อย่างชัดเจน ส่วนใหญ่ยังเป็นจังหวัดที่อยู่ในรัศมีไม่เกิน 300 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ อาทิ หัวหิน, ปราณบุรี (ประจวบคีรีขันธ์), ชะอำ (เพชรบุรี), ราชบุรี, กาญจนบุรี, พัทยา (ชลบุรี), ระยอง, ตราด รวมถึงเขาใหญ่ (นครราชสีมา) เป็นต้น
โรงแรม 4-5 ดาวถล่มราคา
ทั้งนี้ เป็นผลจากสามารถเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวได้สะดวก ประกอบกับส่วนใหญ่ยังไม่อยากเดินทางท่องเที่ยวโดยสายการบิน ทำให้อัตราการจองห้องพักโรงแรมที่พัก โดยเฉพาะกลุ่ม 4-5 ดาว ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างชัดเจน เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ทำการตลาดโดยใช้กลยุทธ์ลดราคาห้องพักจากช่วงปกติไม่ต่ำกว่า 50% กระตุ้นให้คนไทยเร่งจับจ่าย และมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจหมุนเวียน หลังธุรกิจท่องเที่ยวหยุดนิ่งมา 3 เดือนเต็ม
“เห็นชัดเจนว่าตลอดเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โรงแรมระดับ 4-5 ดาว กว่า 80% ได้ทยอยกลับมาเปิดให้บริการ หลังจากปิดชั่วคราวจากผลกระทบของโควิด-19 และโหมทำแคมเปญถล่มราคาในทุกรูปแบบ ทั้งลด แลก แจก แถม ไม่ว่าจะเป็นซื้อราคาพิเศษวันนี้เข้าพักภายในปีหน้า โดยโรงแรม 4-5 ดาว มีการปรับลดราคาลงมาเหลือเพียงแค่ 2,000 กว่าบาท โดยโรงแรมที่มียอดบุ๊กกิ้งอัตราที่สูงส่วนใหญ่ยังเป็นทำเลไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพราะคนที่มีกำลังซื้อและอยากเดินทางส่วนใหญ่อยู่กรุงเทพฯ” แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนโรงแรมที่อยู่ในโลเกชั่นท่องเที่ยวอื่น ๆ อาทิ ภูเก็ต, กระบี่, สมุย ฯลฯ ซึ่งเดิมฐานลูกค้าหลัก 80-90% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้จะทำราคาที่ค่อนข้างดี แต่ก็ยังไม่สามารถดึงดูดให้คนไทยเข้าไปใช้บริการได้ไม่มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางโดยสายการบิน
จับตา ก.ค.ยิ่งคึกคัก
เช่นเดียวกับแหล่งข่าวจากสมาคมโรงแรมไทยรายหนึ่งกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วง พ.ค.-มิ.ย.ที่ผ่านมา แม้โรงแรมยังเปิดให้บริการไม่มากนัก แต่กระแสการเดินทางเริ่มคักคึก ทำให้มั่นใจว่าหลังจาก 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งโรงแรมขนาดใหญ่ได้กลับมาเปิดให้บริการเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเซ็นทารา, ออนิกซ์ ฮอทพิทาลิตี้, ไมเนอร์, แอคคอร์, AWC, เคป แอนด์ แคนทารี, ซี.พี.แลนด์ ฯลฯ จะยิ่งทำให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศคึกคักขึ้น
เมื่อบวกกับมาตรการ “เที่ยวปันสุข” ที่กำลังจะออกมาช่วยกระตุ้นในช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ น่าจะยิ่งทำให้การท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงโลว์ซีซั่น (ไตรมาส 3) มีสีสันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของราคาที่ลดต่ำมาก ๆ แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน
สอดคล้องกับ นางศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) ที่กล่าวว่า อัตราการจองโรงแรม ห้องพักในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาคึกคักเกินกว่าที่คาดไว้พอสมควร โดยเฉพาะในท่องเที่ยวเมืองรอง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเดสติเนชั่นสำหรับคนไทยอยู่แล้ว และคาดว่าตั้งแต่เดือน ก.ค.นี้เป็นต้นไป คนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากยิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่-รายเล็กกลับมาเปิดให้บริการกันเกือบทั้งหมด
วีกเอนด์ “หัวหิน” โอเว่อร์บุ๊กกิ้ง
ขณะที่นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงแรมแบรนด์ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ, รอยัล ออคิด เชอราตัน, เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท, เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา และเชอราตัน หัวหิน ปราณบุรี วิลล่า กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลคลายล็อกและคนไทยเริ่มเดินทางท่องเที่ยว พบว่าช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โรงแรมในโลเกชั่นหัวหินมีผู้เข้าพักเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์ อัตราการเข้าพักถึง 100% ส่วนวันธรรมดา (weekday) เฉลี่ย 50-60% ส่วนโลเกชั่นอื่น ๆ ในเครือยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก
“ส่วนตัวเชื่อว่าธุรกิจท่องเที่ยวไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว นับจากนี้เป็นช่วงเวลาของการฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งเมื่อไหร่ อยู่ที่ว่าประเทศไทยและทั่วโลกจะเปิดน่านฟ้าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาได้อีกครั้งเมื่อไหร่ ตอนนี้โรงแรมทุกเครือจึงต้องหันมากระตุ้นตลาดในประเทศ ทำโปรโมชั่นเพื่อให้คนไทยท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดยาว” นายวิชัยกล่าว
เช่นเดียวกับ นางสาวพราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด ผู้บริหารโครงการสวนน้ำวานา นาวา หัวหิน และโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล และฮอลิเดย์อินน์ หัวหิน และภูเก็ต กล่าวทำนองเดียวกันว่า หลังรัฐบาลประกาศคลายล็อก บริษัทได้เปิดให้บริการโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท พบว่าได้รับผลตอบรับดีเกินคาด โดยมีอัตราการเข้าพักสูงถึง 60% ส่วนช่วงสุดสัปดาห์เต็ม 100%
“อนันตรา-ดุสิตฯ หัวหิน” เต็ม
ขณะที่นายชัยพัฒน์ ไพทูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT กล่าวว่า ในส่วนของโรงแรมอนันตรา หัวหิน รีสอร์ท ของกลุ่มไมเนอร์ ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่าสัญญาณดีมาก อัตราการเข้าพักช่วงสุดสัปดาห์อยู่ระดับ 90% ด้วยแคมเปญราคาที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเข้าถึงมากขึ้น ประกอบกับมีกำลังซื้อนักท่องเที่ยวคนไทยที่ปกติจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็เลือกมาพักผ่อนใช้บริการโรงแรมหรู 5 ดาว
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในส่วนของดุสิตธานี ตั้งแต่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เปิดให้บริการโรงแรมดุสิตธานี พัทยา, ดุสิตธานี หัวหิน และดุสิตธานี สวีท ราชดำริ กรุงเทพฯ ซึ่งในส่วนของดุสิตธานี พัทยา และหัวหิน ในช่วงสุดสัปดาห์อัตราการเข้าพักเต็ม 100% เนื่องจากหัวหินและพัทยาอยู่ในรัศมีที่สามารถขับรถไปได้สะดวก เมื่อรัฐบาลคลายล็อกทำให้คนไทยออกมาทำกิจกรรมท่องเที่ยว หลังจากที่ต้องอยู่บ้านประมาณ 2 เดือนเต็ม
ส่วนหนึ่งก็เพราะช่วงนี้โรงแรมกลับมาเปิดให้บริการยังไม่มาก ประกอบกับโรงแรมระดับ 4-5 ดาว มีการทำแคมเปญราคาพิเศษ ทำให้ราคาลดลงไปจากปกติราว 50% และเป็นช่วงก่อนเปิดเทอม ทำให้ช่วงสุดสัปดาห์คึกคักมาก และในเดือน ก.ค.นี้ ทางดุสิตฯก็จะทยอยเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 4 แห่ง ได้แก่ ดุสิตดีทู เขาใหญ่, ดุสิต ดีทู อ่าวนาง, ดุสิตธานี กระบี่ รวมถึงโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส กรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งก็เพื่อรองรับกับมาตรการกระตุ้นในโครงการเที่ยวปันสุขของรัฐบาล
“ภูเก็ต-เชียงใหม่” ยังเหนื่อย
นางศุภจีกล่าวว่า สำหรับโรงแรมที่อยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวไกล ๆ อย่าง ภูเก็ต, เชียงใหม่ ยังไม่ได้เปิดให้บริการ เนื่องจากฐานลูกค้าเดิมเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบกับขณะนี้คนไทยยังไม่พร้อมกับการเดินทางท่องเที่ยวด้วยสายการบิน และปัจจุบันตั๋วเครื่องบินก็มีราคาสูงขึ้น เนื่องจากต้นทุนดำเนินการของสายการบินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งอุปสรรคสำคัญของการฟื้นท่องเที่ยว เพราะทำให้ต้นทุนการท่องเที่ยวสูงขึ้น ทำให้โอกาสที่คนไทยจะเดินทางท่องเที่ยวระยะทางไกลเกิน 300 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯยังไม่คึกคัก
“จากนี้อาจจะต้องรอประเมินข้อมูลอีกครั้งว่า มาตรการกระตุ้นของรัฐบาลช่วยฟื้นการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่าง ๆ ได้มากแค่ไหน เพราะจากสถานการณ์ขณะนี้โอกาสที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาในปีนี้คงยากขึ้น อาจจะต้องเป็นปีหน้า เพราะความเสี่ยงของการระบาดรอบสองของประเทศต่าง ๆ ก็ทำให้แผนการเปิดประเทศแบบ travel bubble ก็ยากขึ้น ช่วงแรกคงได้แค่กลุ่มนักธุรกิจ/นักการทูต”
“พัทยา” ลุ้นเที่ยวปันสุขหนุนอีกแรง
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี และเจ้าของโรงแรมเครือซันไชน์ พัทยา กล่าวว่า พัทยาแม้ว่าจะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ แต่ที่ผ่านมาตลาดหลักยังเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศมากกว่า การเดินทางของนักท่องเที่ยวคนไทยในช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงยังไม่ได้เติมเต็มตลาดให้กับพัทยามากนัก ซึ่งในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์พบว่า อัตราเข้าพักสำหรับโรงแรม 4-5 ดาว อยู่ที่ราว 80-100% ขณะที่ช่วงวันธรรมดา อัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ต่ำเพียง 20-30%
อย่างไรก็ตาม ยังต้องมอนิเตอร์สถานการณ์โดยรวมว่ากระแสการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยจะยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องหรือไม่ เนื่องจากหลายฝ่ายประเมินว่า ปริมาณการเดินทางที่สูงในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไทยส่วนใหญ่อึดอัดจากการเก็บตัวทำงานที่บ้าน (WFM) บวกกับเป็นช่วงเด็กนักเรียนยังปิดเทอม
“ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมมีปัญหา คนตกงานเยอะขึ้น สถานการณ์โดยรวมจึงยังไม่ค่อยดีนัก เราคงต้องร่วมกันลุ้นต่อไปว่ามาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐ หรือโครงการเที่ยวปันสุขที่กำลังจะออกมา จะช่วยให้การท่องเที่ยวของคนไทยจะกลับมาคึกคักแค่ไหน” นายธเนศกล่าว
“กระบี่” ดิ้นเจาะคนไทย
นายอุทิศ ลิ่มสกุล ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกระบี่ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงแรมในพื้นที่กระบี่เปิดให้บริการประมาณ 55 แห่ง ราว 2,000 ห้อง คิดเป็นแค่ 10% จากโรงแรมทั้งหมด เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนมากยังไม่มั่นใจว่าเปิดให้บริการแล้วจะมีนักท่องเที่ยวเข้าพักหรือไม่ และเกรงว่าจะไม่คุ้มกับต้นทุนการเปิดให้บริการ โดยอัตราการเข้าพักโรงแรมในพื้นที่ยังเฉลี่ยแค่ 20%
ช่วงครึ่งปีหลัง ททท.จะเร่งทำการตลาดดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทย ซึ่งเดือน ก.ค.นี้จะมีเที่ยวบินเข้ากระบี่เพิ่มจาก 6 เป็น 9 เที่ยวบินต่อวัน เชื่อว่าจะช่วยให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าพื้นที่มากขึ้น
ด้านนางสาวศศิธร กิตติธรกุล นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า หลังคลายล็อกดาวน์ การท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่กระเตื้องขึ้นเล็กน้อย แต่เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวทาง
ทะเลยังไม่เปิดให้บริการ ทำให้ยากที่นักท่องเที่ยวจะเลือกเดินทางเข้ามา นอกจากนี้กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักกว่า 75% ของกระบี่เป็นต่างชาติ จึงยากที่กระบี่จะกลับมาคึกคักเหมือนปกติ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการก็พยายามปรับตัวจับตลาดนักท่องเที่ยวไทย โดยคาดว่าจะได้เห็นแพ็กเกจลดราคาหลากหลายในช่วงเดือน ก.ค.นี้
โรงแรม สัญญาณดีทุกเซ็กเตอร์
นายภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า เริ่มเห็นกระแสคนไทยเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 30-40% ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา และเชื่อว่าจะเพิ่มเป็นมากกว่า 50% ในช่วงเดือน ก.ค.นี้ ตอนนี้โรงแรมที่พักในหลาย ๆ ทำเล เช่น หัวหิน, กาญจนบุรี, พัทยา มีอัตราการเข้าพักที่ดีมาก ทุกคนที่เปิดให้บริการพึงพอใจกับผลตอบรับ โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ เนื่องจากส่วนใหญ่อยากออกผ่อนคลายหลังจากล็อกดาวน์อยู่หลายเดือน บวกกับป็นช่วงปิดเทอม รวมทั้งราคาของโรงแรมระดับ 4-5 ดาวที่ดัมพ์ลงมาต่ำมาก
ขณะที่โรงแรมขนาดเล็ก หรือระดับ 3 ดาวลงมาก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน ทำให้ตลอดทั้งเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เรียกว่าโรงแรมทุกเซ็กเตอร์มีสัญญาณที่ดีขึ้น
ล่าสุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สทน.ได้นำผู้ประกอบการไปสำรวจธุรกิจท่องเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรี พบว่าทุกภาคส่วนได้รับการตอบรับที่ดีมาก ทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ฯลฯ ทำให้เชื่อมั่นว่าบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศในครึ่งปีหลังนี้จะคึกคักขึ้นแน่นอน
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์