กรุงเทพฯเมืองแห่งสีสันมีชีวิตชีวาในด้านอาหารการกิน มีร้านใหม่ๆ เกิดขึ้นแทบทุกวัน อาทิตย์นี้ปิ่นโตเถาเล็กตื่นเต้นดีใจได้นำเสนอโรงแรมหรูแห่งใหม่ใจกลางกรุงในย่านหลังสวน เพิ่งเปิดตัวไปสดๆ ร้อนๆ ซึ่งกำลังเป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” มีชื่อว่า โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ
ถึงแม้ว่าสินธร เคมปินสกี้ จะยัง ไม่ได้เปิดให้เข้าพัก (เริ่ม 1 ตุลาคม 2563) แต่ก็กลายเป็นแหล่งแฮงเอาต์ยอดนิยมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้คนต่างพร้อมใจกันไปชมชิมแชะภาพกันทั้งวัน เพราะที่นี่แวดล้อมไปได้สวนสวยขนาดใหญ่และพรรณไม้นานาชนิด
ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณล็อบบี้เลานจ์อันโอ่โถงของโรงแรมตกแต่งด้วยต้นไม้หลากหลาย เหมือนเป็นสวนทรอปิคอลที่เชื่อมต่อความเป็นธรรมชาติจากสวนด้านนอก แถมยังมีช่องแสงด้านบนขนาดใหญ่ส่องลงมาเพิ่มความสดใสไปทั่วทั้งบริเวณ
และที่ล็อบบี้เลานจ์แห่งนี้ทุกช่วงบ่ายของวันเสาร์-อาทิตย์จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คน เพราะมีของดีคือ ชุดน้ำชายามบ่าย ชื่อว่า ชีวา (Chevaa Afternoon Tea) ที่ฮอตฮิตถึงขนาดต้องโทรจองล่วงหน้าถึง 2 อาทิตย์เป็นอย่างน้อย
ปิ่นโตเถาเล็กจึงมีข่าวดีมาบอกแฟนๆ ว่าตอนนี้สินธร เคมปินสกี้ ได้เปิดให้มาลิ้มลองน้ำชายามบ่ายเพิ่มใน วันศุกร์ อีกหนึ่งวันแล้ว ใครสนใจรีบโทรไปจองได้ที่เบอร์ 0-2095-9999 รับได้ประมาณไม่เกินครั้งละ 80 ท่านเท่านั้น ในช่วง เวลา 14.00-17.00 น. ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ขอให้มาเป็นคู่ๆ เพราะ ชุดน้ำชายามบ่าย 1 ชุด สำหรับ 2 คน ในสนนราคา 1,500 บาท++ (หารกันคนละ 750 บาท++)
ทางมาโรงแรมแห่งนี้ไม่ยาก จากถนนเพลินจิตเลี้ยวเข้า ถนนหลังสวน ซึ่งเป็นเส้นทางวันเวย์มาประมาณ 900 เมตร จะเห็นโครงการแห่งใหม่ในพื้นที่เดียวกันมีชื่อว่า เวลา (Velaa) หลังสวน พอสุดโครงการให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไปได้เลย จากนั้นวิ่งไปสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายอีกที (ซึ่งซอยนี้จะเข้าจาก ถนนสารสิน ข้างสวนลุมพินีก็ได้) ก็จะเห็นโรงแรมสินธร เคมปินสกี้ ทางซ้ายมือ จอดรถในชั้นใต้ดินได้เลย
ถึงวันนัดควรแต่งตัวสวยเก๋และรีบมาก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมง เพราะบริเวณล็อบบี้มีมุมสวยๆ ให้แชะภาพแชร์เพื่อนๆ มากมาย ดังเช่นศาลาสวนตรงกลางหรือกาซีโบ (Gazebo) ซึ่งเป็นจุดยอดนิยม
ชุดน้ำชายามบ่ายตัวหลักมีชื่อว่า อินดัลเจนซ์ (Indulgence) ประกอบด้วย ขนมของว่างหลากหลายทั้งแบบดั้งเดิมคลาสสิก อีกทั้งขนมหวานทันสมัยฝีมือของเพสตรี้ เชฟแม็ก พรรณนา เลิศศรี ซึ่งรูปแบบการนำเสนอนั้นสวยเก๋มากถือเป็นไฮไลต์ทีเดียว เหมาะสำหรับการถ่ายรูป (อีกแล้ว) นำต้นไม้เล็กๆ ที่มีกิ่งก้านมาแขวนกระเปาะแก้วสำหรับใส่ของว่าง ซึ่งวางอยู่บนถาดกลมหรือสแตนด์พิเศษของ Sonite Husk ที่ทำจากเปลือกข้าวหรือแกลบ ดูเรียบหรูและดีต่อสิ่งแวดล้อม
ก่อนอื่นขอให้เลือกชามา 1 กา สำหรับ 2 คน ซึ่งสามารถเติมชาเพิ่มได้อีก 1 ครั้งด้วย มีทั้งประเภทชาเขียว (Green Tea) หมายถึงการนำยอดอ่อนของชาไปอบแห้ง โดยไม่ผ่านการหมัก มีชาเขียวญี่ปุ่น (Sencha) ชามะลิจีน (Jasmine Gold) และ ชาพีช (Peach Blossom Summer) ที่คนนิยมสั่ง และมีประเภทชาดำ (Black Tea) ผ่านการหมัก ซึ่งตัวยอดนิยมคือ ชาอัสสัมเอิร์ลเกรย์ (Assam Earl Grey) อีกทั้งชาสมุนไพร เช่น คาโมไมล์ (ดื่มแล้วหลับสบาย) ชาตะไคร้ ชามินท์ เชิญเปิดเมนูเลือกกันตามสบาย
พอมาถึงทุกท่านจะได้รับเครื่องดื่มชื่นใจเป็นอันดับแรกคือ เลมอนกรานิต้าผสมน้ำผึ้ง เป็นเกล็ดน้ำแข็งหวานเย็นใส่ในผลมะนาวเหลือง
ส่วนของกินในชุดน้ำชานั้นมีครบทุกหมวดหมู่คลาสสิก ตั้งแต่ Savory หรือของว่างที่เป็นอาหารคาว เช่น ทาร์ต มี แซนด์วิช ต่างๆ ที่ทำได้สร้างสรรค์มาก มี ขนมหวาน ดูดีสวยงาม และที่ขาดไม่ได้คือ สโคน หรือขนมอบแบบอังกฤษ
สโคนในชุดนี้เป็น สโคนแบบดั้งเดิม 2 ชิ้น และมี ขนมปังบริยอชหน้าเฟยทีน (Feuilletine) กรอบๆ รสเนยถั่ว ซึ่งสโคนนั้นเวลากินให้ผ่าครึ่งตามขวางแล้วทาด้วยมาสคาร์โปเนครีมหอมมันกับแยมสตรอเบอรี หรือทาด้วยเลมอนครีมเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดก็ได้
ทีเด็ดที่ทั้งสวยและกินอร่อยด้วยก็คือของว่างเซฟเวอรี่ (Savory) ในกระเปาแก้วแขวนบนกิ่งไม้มีทั้ง วอลโลวอง (Vol au Vent) แป้งพัฟเพสตรี้พายที่ใส่ไส้มูสแฮมเนียนๆ กับเห็ดดองตรงกลาง อีกกระเปาะมี แผ่นพาร์เมซานชีส กรอบๆ หน้าครีมถั่วลันเตา
ของกินกระเปาะสุดท้ายจัดอยู่ในหมวดแซนด์วิชแต่ทำเป็นสไตล์ไทยๆ ไม่เหมือนแซนด์วิชเลย นั่นก็คือ สะเต๊ะไก่เป็นม้วนๆ กินกับแตงกวาดองและซอสสะเต๊ะ อร่อยในคำเดียว ส่วนที่วางอยู่บนถาดกลมด้านล่าง (ที่ทำจากแกลบ) มี เอแคลร์ไส้แซลมอนกราฟลักซ์ดองบีทรูท กินกับครีมอะโวคาโดและมะนาว และมี ทาร์ทีน (Tartine) หรือแซนด์วิชเปิดหน้าทำจาก ขนมปังอาร์ติซาน แบบดั้งเดิมทำจากแป้งข้าวไรซ์เนื้อหนักๆ หน่อย หน้าด้านบนเป็น สลัดไข่หอมกลิ่นทรัฟเฟิล กินกับมูสอะโวคาโดและใบวอเตอร์เครส
ขนมหวานก็เก๋ไก๋ไม่แพ้กัน มี เลมอนเมอร์แรงก์ทาร์ต ทำเป็นอมยิ้มเสียบไม้ให้กินในคำเดียว และมีมูสช็อกโกแลตซึ่งไส้ด้านในมีขนมฟินองเซีย (Financier) กับ Salted Caramel หอมๆ เค็มๆ และมีพราลีนถั่วเฮเซลนัทด้วย และยังมี ทาร์ตสตรอเบอรีกับแคร็มพาทิสเซอรี่ หรือวานิลาคัสตาร์ดข้นๆ และขนมอย่างสุดท้ายที่ประทับใจมากคือ ปารีสเบรสต์รสถั่วพิสตาชิโอ้ ขนมฝรั่งเศสที่ทำเป็นรูปวงล้อจักรยาน ไส้ครีมกาแฟเอสเปรสโซ ผสมพิสตาชิโอ้เช่นกัน
สำหรับใครที่ไม่อยากกินเนื้อสัตว์ ก็มี ชุดน้ำชายามบ่ายกิลท์ฟรี (Guilt-Free) สุดสร้างสรรค์ ให้เลือกอีกชุดในสนนราคาเท่ากัน (1,500++ ต่อ 2 คน) ถือเป็นวีแกน 100% ไม่มีเนื้อสัตว์ นม เนย ไข่ มี สโคนรสฟักทอง กับ สโคนแครนเบอรี กินกับคลอตเต็ดครีมมะพร้าว ส่วนในกระเปาะแก้วมีขนมทีเด็ด เชอรีอมารีนา เคี่ยวกับน้ำตาล สอดไส้มูสอัลมอนด์มิลค์ อีกอย่างเป็น มูสมะพร้าว เปลือกทำจากช็อกโกแลต 100% ส่วนเนื้อมะพร้าวเป็นครีมเฮเซลนัทกับมะม่วงหิมพานต์ โปะหน้าด้วยเสาวรสและสับปะรดซึ่งใช้กรรมวิธีคอมเพรซ (compression) ในถุงสุญญากาศกับเมเปิ้ลไซรัปและน้ำมะนาว นอกจากนี้ ยังมีขนมของว่างอื่นๆ ในชุดอีกมากมาย
สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าได้ชมชิมแชะภาพเอง เอาเป็นว่ารีบจองล่วงหน้าโดยด่วนที่เบอร์ 0-2095-9999 แล้วจะได้รู้ซึ้งถึงคำว่า สวยทั้งรูป กินก็อร่อยมันเป็นอย่างไรนะจ๊ะ
ชีวา ชุดน้ำชายามบ่าย (Chevaa Afternoon Tea)
โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ (Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok)
ที่ตั้ง ล็อบบี้เลานจ์ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ 80 ซอยต้นสน ถนนหลังสวน ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
โทร 0-2095-9999
เปิดบริการ 14.00-17.00 น. ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์
แนะนำ ชุดน้ำชายามบ่าย Indulgence 1,500 บาท++ สำหรับ 2 คน
ที่มา | อาทิตย์สุขสรรค์ มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ปิ่นโตเถาเล็ก (ม.ล.ภาสันต์ สวัสดิวัตน์) |