‘เที่ยวปราสาทแดนบูรพา’ เช็กอินถิ่นอารยธรรม ‘เขมร-ทวารวดี’ ‘ศรีมโหสถ-สระแก้ว’
แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะส่งผลกระทบกับธุรกิจท่องเที่ยวในภาพรวม การเดินทางท่องเที่ยวข้ามประเทศถูกตีกรอบด้วยกฎเหล็ก และสกรีนบุคคลเข้าออกอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ แต่ถึงอย่างไรการเดินทางท่องเที่ยวข้ามประเทศยังเสี่ยงต่อการรับเชื้อที่ยากจะคาดเดา ส่งผลให้การท่องเที่ยวในประเทศคึกคัก คนไทยหันมาเที่ยวไทยกันมากขึ้น
โดยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ได้รับความนิยมเป็นอันดับ1จากนักท่องเที่ยว ทั้งทะเลและภูเขา โดยเฉพาะในหน้าหนาว ภูเขาและยอดดอยจัดเป็นช่วงไฮซีซัน ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปรับลมหนาว ก่อกองไฟ และปิ้งย่างหมูกระทะกันอย่างสนุกสนาน
แต่หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศออกไปท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม สัมผัสร่องรอยอารยธรรมโบราณ แหล่งรวมเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอารยธรรมเขมรไปจนถึงยุคทวารวดี อยากแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจคอศิลปวัฒนธรรม พิกัดชายแดนภาคตะวันออก ในจ.สระแก้ว และปราจีนบุรี
จ.สระแก้ว เป็นจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศกัมพูชา(เขมร) พอพูดถึงจ.สระแก้ว หลายคนมักคิดถึงสินค้าชายแดนราคาถูกที่ตลาดโรงเกลือ แต่ความจริงแล้ว สระแก้วเป็นจังหวัดที่รุ่มรวยด้านทรัพยากรธรรมชาติอันสวยงาม แหล่งประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญมากมาย
ชื่อ สระแก้ว มาจากชื่อสระน้ำโบราณ ในอ.เมืองสระแก้ว มีอยู่ 2 สระ ในสมัยกรุงธนบุรีราว พ.ศ.2323 สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เป็นแม่ทัพยกทัพไปตีกัมพูชา(เขมร) ได้แวะพักกองทัพที่บริเวณสระน้ำทั้งสองแห่งนี้ กองทัพได้อาศัยน้ำจากสระใช้สอยและได้ขนานนามสระทั้งสองว่า “สระแก้ว-สระขวัญ” และได้นำน้ำจากสระทั้งสองแห่งนี้ใช้ในการประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา โดยถือว่าเป็นน้ำบริสุทธิ์
แหล่งโบราณสถานห้ามพลาดถ้ามาถึง จ.สระแก้ว อาทิ ปราสาทเขาน้อยสีชมพู ตั้งอยู่บนยอดเขาน้อยสีชมพู ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ ห่างจากพรมแดน ไทย-กัมพูชา ประมาณ 1 กิโลเมตร ตัวปราสาทตั้งอยู่บนยอดเขาเตี้ยๆ สูงราว 80 เมตร มีบันไดทางขึ้น 254 ขั้น แล้วเดินไปตามทางลาดอีกนิดก็ถึงบริเวณประสาท ประกอบด้วย ปรางค์ทิศเหนือ ปรางค์องค์กลาง และวิหารใต้ จากการขุดสำรวจของกรมศิลปากร ค้นพบโบราณวัตถุจำนวนมาก เช่น โบราณวัตถุทำจากโลหะเครื่องปั้นดินเผา ทับหลังหินทราย 5 ชิ้น แผ่นจารึกเขาน้อย และทับหลังหินทรายแบบสมโบร์ไพรกุกอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 โดยโบราณวัตถุต่างๆ ถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี
ปราสาทสด๊กก๊อกธม หรือปราสาทเมืองพร้าว ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเสม็ด ต.โคกสูง อ.โคกสูง คำว่า สด๊กก๊อกธม หมายถึง เมืองที่มีต้นกกขึ้นรกในหนองน้ำใหญ่ เป็นโบราณสถานขอมที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก ก่อด้วยหินทรายและศิลาแลง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 14 เพื่อเป็นเทวสถานของศาสนาฮินดูลัทธิไศวนิกาย มีลวดลายประดับสวยงาม โดยปราสาทสด๊กก๊อกธม เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
ส่วน จ.ปราจีนบุรี จัดเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ โบราณสถาน และ โบราณวัตถุจำนวนมาก เช่น รอยพระบาทคู่-ยุคทวารวดี ที่ทำขึ้นหลัง พ.ศ. 1200, อโรคยศาล ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7, พระนิรันตรายทองคำ ฯลฯ หรือแม้ต้นโพธิ์เก่าแก่ที่สุด ทั้งหมดพบในพื้นที่ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี
สุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์ชื่อดัง เขียนไว้ตอนหนึ่งใน “เรื่องเกิดยาก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บริหารจัดการโดยท้องถิ่นไทย” หนังสือพิมพ์มติชน หน้าประชาชื่น เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 ความว่า “นอกจากมีชื่อเสียงด้านสมุนไพรแล้ว ปราจีนบุรียังมีสิ่งดีๆ มากมายเป็นที่สุดของประเทศ…” ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี พิบูลย์ หัตถกิจโกศล บอกไว้ในอนุสาร อสท. [ฉบับตุลาคม 2562 หน้า 75]
“สิ่งดีๆ “เป็นที่สุดของประเทศ” ในปราจีนบุรี ที่ผู้ว่าฯ แนะนำ คือ เมืองศรีมโหสถ, โบราณสถานและปูชนียสถาน อยู่ใน อ.ศรีมโหสถ กับ พระคเณศ อยู่ในพิพิธภัณฑ์ปราจีนบุรี รวมทั้ง “เมืองโบราณยุคทวารวดี, รอยพระพุทธบาทคู่, ต้นศรีมหาโพธิ์, สระแก้ว-สระขวัญ และกำแพงเมือง-คูเมืองศรีมโหสถ ในอำเภอศรีมโหสถ”
“เมืองศรีมโหสถ (เมืองมโหสถ) ยุคเผด็จการ คสช. ก่อนผู้ว่าฯ พิบูลย์ไปอยู่ปราจีนบุรี มีสภาพเหมือนป่าดงลี้ลับน่าสะพรึงกลัวจนไม่มีคนกล้าพูดถึง
“หลังผู้ว่าฯ พิบูลย์ไปอยู่ปราจีนบุรี มองเห็น “รูปทองในร่างเจ้าเงาะ” เลยระดมศักยภาพของคนท้องถิ่น แล้วสนับสนุนด้วยงบประมาณจังหวัด ร่วมกันจัดการ “ถอดรูปเงาะ” ให้เห็นความงามของรูปทอง”
โดยปัจจุบัน โบราณวัตถุชิ้นเอกและชิ้นสำคัญเกือบทั้งหมดขนย้ายจากเมืองศรีมโหสถจัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ทั้งพระพุทธรูปหรือพระเทวรูป เช่น พระวิษณุ, ศิวลึงค์, พระคเณศ ล้วนเต็มไปด้วย “สตอรี่” เกี่ยวข้องกับโบราณสถานเมืองศรีมโหสถและความเป็นเมืองศรีมโหสถ”
อ่านตามที่ สุจิตต์ วงษ์เทศ คอลัมนิสต์ชื่อดัง ว่าไว้แล้ว จึงน่าไปยลให้เห็นกับตาว่า “รูปทอง หลังถอดรูปเงาะ” จะงดงามเพียงใด!!
ซึ่งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี จัดแสดงโบราณวัตถุมาสเตอร์พีซเอาไว้หลายชิ้น โดยส่วนใหญ่ค้นพบในภาคตะวันออก ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มาจนถึงยุควัฒนธรรมทวารวดี และยุควัฒนธรรมเขมรโบราณ อาทิ ทับหลังในศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุก พบที่ปราสาทเขาน้อยสีชมพู อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีอยู่ 3 ชิ้น จัดแสดงอยู่ใกล้กัน เทวรูปของพระคเณศ ที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เทวรูปของพระวิษณุหรือพระนารายณ์ที่เก่าแก่ จัดว่าเป็นกลุ่มเทวรูปรุ่นเก่า พบในบริเวณเมืองศรีมโหสถ และยังมีชิ้นส่วนสัมฤทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นเชิงเทียน คันฉ่องสัมฤทธิ์ ซึ่งตัวคันฉ่องสัมฤทธิ์มีจารึกที่กล่าวถึงอวัธยปุระ หรือเมืองศรีมโหสถนั่นเอง
นอกจากนี้ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม ในจ.ปราจีนบุรี ที่ห้ามพลาด อาทิ สระมรกต ยังคงพบเห็นซากของศาสนสถาน มีอ่างเก็บน้ำที่สันนิษฐานว่าใช้ร่วมกับศาสนสถานและชุมชนคือตัวของสระมรกตเอง รวมถึงไฮไลท์อย่าง รอยพระพุทธบาทคู่ ที่สลักบนแผ่นศิลาแลง มีความเก่าแก่และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานกันว่า น่าจะเก่าแก่ถึงยุควัฒนธรรมทวารวดี ซึ่งรอยพระพุทธบาทที่นี่แตกต่างจากที่อื่น นอกจากเป็นพระพุทธบาทคู่แล้ว ยังทำเป็นแฉกของนิ้วเท้า มีทั้งนิ้วโป้ง นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย และที่บริเวณฝ่าพระบาททั้งสองข้างจะเห็นรูปกงจักร
โบราณสถานสระแก้ว สระน้ำโบราณที่ใช้กันในเมืองศรีมโหสถ จุดเด่น คือนอกจากจะเห็นศิลาแลงที่เป็นตัวของบ่อน้ำแล้ว ยังมีไฮไลท์ที่ไม่เหมือนที่อื่น คือมีภาพสลักรูปมงคลต่างๆ โดยเฉพาะรูปสัตว์ที่เชื่อว่าเป็นสัตว์มงคลอย่าง ช้าง ราชสีห์หรือสิงโต มกร ซึ่งเป็นสัตว์ผสมตามความเชื่อของอินเดีย มีจมูกเป็นช้าง หน้าและลำตัวเป็นจระเข้ หางเป็นปลา ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ที่แปลกของเมืองศรีมโหสถและโบราณสถานสระแก้ว
มติชนอคาเดมี ชวนไปเที่ยวปราสาทแดนบูรพา จ.ปราจีนบุรี-สระแก้ว
วิทยากรและบรรยายโดย : รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ ภาคีสมาชิก สำนักศิลปกรรม ราชบัณฑิตยสภา
วันที่ 19-20 ธันวาคม 2563
ราคา 5,800 บาท
โปรแกรมเดินทาง
วันที่ 19 ธันวาคม 2563
05.30 น. : ลงทะเบียน ที่มติชนอคาเดมี
09.30 น. : ชมกลุ่มโบราณสถานสระมรกต-สักการะรอยพระพุทธบาทคู่ พร้อมฟังเรื่องราวของเมืองศรีมโหสถ
11.00 น. : ชมโบราณสถานสระแก้ว
12.00 น. : รับประทานอาหารกลางวัน ที่ร้านอาหารบ้านริมน้ำ
13.10 น. : ชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
15.00 น. : ชมโบราณสถานพานหิน พร้อมฟังบรรยายเรื่อง “โคกขวาง ชุมชนโบราณที่เปรียบเสมือนเมืองหน้าด่านของเมืองศรีมโหสถ”
18.30 น. : เข้าพักที่ The VELO’S Hotel & Pumptrack อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หรือเทียบเท่า และรับประทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารโรงแรม
วันที่ 20 ธันวาคม 2563
07.00 น. : รับประทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารโรงแรม
09.00 น. : ชมอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม
12.00 น. : รับประทานอาหารกลางวัน ที่ครัวโคกสูง
13.30 น. : ชมปราสาทเขาโล้น
16.00 น. : ชมปราสาทเขาน้อย หรือ ปราสาทเขาน้อยสีชมพู
17.45 น. : รับประทานอาหารเย็น ที่ร้านเจ๊เง็ก อาหารเวียดนาม
18.45 น. : เดินทางกลับกรุงเทพฯ
22.20 น. : ถึงมติชนอคาเดมี โดยสวัสดิภาพ
***กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม***
สนใจติดต่อ 0-2954-3977-84 ต่อ 2115, 2116, 2123, 2124 Mobile : 08-2993-9097, 08-2993-9105 line : @matichon-tour , line : @matichonacademy