อาทิตย์ก่อนนัดแนะกันกับพี่สาวไปเที่ยววัดเก่าในตัวเมืองอยุธยา นึกขึ้นได้ว่ามีเพื่อนแนะนำให้ลองแวะกินขนมจีนคลองจิกที่บางปะอิน บอกว่านอกจากขนมจีนแล้วยังมีอาหารหลากหลายในราคาสบายกระเป๋า
ออกจากกรุงเทพฯไม่เช้ามาก มาถึงร้านใกล้ๆ เที่ยง ความหิวกำลังดี ตามจีพีเอสที่ปักหมุด “ร้านขนมจีนคลองจิก” ออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปอยุธยาบนถนนสายเอเชีย จากแยกเข้าพระราชวังบางปะอินมาประมาณ 2 กิโล ก็จะเจอปากซอยวัดวิเวกวายุพัดอยู่ซ้ายมือเลี้ยวเข้ามาอีกนิดเดียว
มาถึงจะมีป้ายบอกที่จอดรถร้านขนมจีนคลองจิก ลงจากรถตอนแรกถึงกับงงค่ะ บรรยากาศรอบร้านมีแต่เครื่องมือก่อสร้าง แถมมีบ้านพักคนงานอีก มารู้ทีหลังว่า อ่อ…เจ้าของร้านเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างที่ผันตัวมาเปิดร้านอาหารในช่วงโควิดต้นปีที่ผ่านมานี่เอง
ภายในร้านโปร่งดี โต๊ะเก้าอี้เป็นม้าหินอ่อน กางเมนูมีให้เลือกหลากหลาย แต่เมนูหลักที่นี่คือขนมจีน มีน้ำยาให้เลือกหลายอย่างทั้งน้ำยากะทิ น้ำพริก น้ำยาป่า แกงไตปลา แกงเขียวหวาน และ น้ำเงี้ยว ในราคาถ้วยละ 20 บาท ขนมจีนจานละ 15 บาท ไข่ต้มฟองละ 5 บาท ส่วนผักตักเองได้เลย มีทั้งผักสด ผักดอง และผักบุ้งลวก
จุดเด่นของที่นี่คือความสะอาดสะอ้าน โถใส่น้ำยาตั้งเรียงเป็นระเบียบมีมุ้งลวดปิดกันแมลงต่างๆ จุดให้บริการตักผักก็เช่นกัน
ส่วนถ้าใครหิวข้าวก็จะมีหลายเมนูในราคา 50 บาทเท่ากัน มีทั้งข้าวกะเพราหมู-ไก่ ไก่ทอด คั่วกลิ้ง แกงเหลืองหน่อไม้ดอง แกงเคี่ยวพริก ผัดพริกแกงถั่วไก่-หมู ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ หรือ อยากกินของแซ่บก็มีส้มตำให้บริการ
และนอกจากน้ำเปล่าน้ำอัดลม ที่ร้านยังมีบริการน้ำสมุนไพรเติมได้ไม่อั้น 10 บาทเท่านั้น
ขนมจีนโดยรวมรสชาติกลางๆ มีมาตรฐานที่ดี แต่เมื่อเทียบกับราคา และเมื่อได้ฟังเรื่องราวความใจสู้ของเจ้าของบริษัทรับเหมาและเหล่าลูกจ้างแล้วถือว่าสุดยอด
“คุณเอก-กฤษณ์ จุลานุกะ” อายุ 55 ปี เจ้าของร้านขนมจีนคลองจิก เล่าว่า ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่ถึงปี เปิดราวๆ เดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์โควิดที่ทำให้งานรับเหมาก่อสร้างได้รับผลกระทบไปด้วย งานที่ยังพอมีในมือตอนนี้จะให้ลูกน้องผู้ชายทำ ขณะที่ผู้หญิงถ้าจะให้กลับไปบ้านเขาก็จะกลับไปเป็นคู่ๆ ก็มาคิดหาทางออกด้วยการเปิดร้านขนมจีน อย่างพนักงานบัญชีก็มารับออเดอร์ เซลส์ก็มาเดินเสิร์ฟ หรือ ลูกน้องก่อสร้างผู้หญิงก็ผันมาทำครัวกันทั้งหมด
“ตอนแรกก็คิดว่าจะทำอะไร ผมชอบไปทานขนมจีนในอยุธยา ถ้าจะไปขายข้าวแกงเมนูมันต้องเยอะเป็นสิบๆ อย่าง ก็มาจบที่ขนมจีน มีน้ำ 6 อย่าง แล้วมีอาหารจานเดียว อย่างผัดกะเพรา เขียวหวานผัดแห้ง อาหารใต้ก็เพิ่งจะมาเสริม เพราะกลัวลูกค้าเบื่อ”
เห็นเป็นร้านบ้านๆ แบบนี้ แต่วัตถุดิบหลายอย่างก็คัดสรรมาอย่างดี อย่างขนมจีนก็เป็นเส้นสด ตีรถ 70 กิโลเมตรทุกวันไปที่ท่าเรืออยุธยา หรือน้ำเงี้ยวก็สั่งพริกแกงจากเชียงใหม่ น้ำยาใต้สั่งตรงจากนครศรีธรรมราช ผักสดจ่ายตลาดทุกวัน และที่สำคัญเน้นความสะอาด
ก่อนจะเปิดคุณเอกเริ่มลิสต์รายชื่ออาหาร และ เริ่มทำสูตรลองผิดลองถูก ทำเองกินเองอยู่ 3-4 วัน ทำชิมกันเอง ทำแจก แล้วสอบถาม อะไรอ่อนไป อะไรเกินไป แล้วใช้วิธีตวง ตวงแล้วจด เมื่อสูตรนิ่งทุกอย่างลงตัว ลูกน้องทำได้ทั้งหมดก็ได้เวลาเปิดร้าน โดยที่จัดการเคลียร์พื้นที่ส่วนหนึ่ง ขนอุปกรณ์ก่อสร้างออกไป จัดร้านให้โปร่ง นี่คือจุดเริ่มต้นของร้าน “ขนมจีนคลองจิก”
“ไปๆ มาๆ ก็สนุกดีนะ” เป็นคำพูดจากใจของหนุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ต้องผันตัวมาเปิดร้านอาหาร
คุณเอก บอกว่า พอมีกิจกรรมให้ทำ ก็ทำให้ไม่ว่างมานั่งทุกข์ เพราะตอนนี้งานรับเหมาก่อสร้างโรงงานเงียบมาก แถมการต่อสู้ค่อนข้างหนัก แต่ละบริษัทแข่งกันดัมพ์ราคา จนทำให้งานหดหายจนแทบไม่เหลือ แต่เมื่อมาทำร้านอาหารก็พอประคับประคองไปได้ ตอนนี้จึงไม่มีการเลิกจ้างใครเลย
ใครอยากลองชิมร้านอาหารหน้าใหม่ใจนักสู้ ก่อนเข้าไปเที่ยวอยุธยาต้องมาลองกันค่ะ หรือ ในซอยมีวัดวิเวกวายุพัดที่น่าเลื่อมใสศรัทธา จะมาสั่งอาหารไปเลี้ยงพระทำบุญก็สบาย ร้านเปิดทุกวัน หยุดวันจันทร์ ตั้งแต่ 07.30-18.00 น. สนใจติดต่อได้ที่เบอร์ 06-1653-2399
หลังมื้อเที่ยงท้องอิ่มแล้ว เราเดินทางต่อไปเข้าอยุธยาอีกแค่ 10 กิโลเมตรเท่านั้น
ใครที่ไปเที่ยววัดที่อยุธยา คิดว่าหลายคนคงรู้จักวัดมเหยงคณ์ เป็นวัดเก่าแก่ร่วม 200 ปี ปัจจุบันที่วัดมีคอร์สอบรมวิปัสสนากรรมฐานด้วย ถ้าใครเคยไปที่วัดจะสังเกตเห็นน้ำส้มเจ้านึง ขวดละ 20 บาท แปะแบรนด์ “Happy Juice Happy Orange” คนขายเป็นสองคนหนุ่มสาว ได้ลองชิมแล้วชื่นใจจริงๆ
สองหนุ่มสาวคู่นี้ชื่อ “มอส-ปสิวะณัฐ สิงห์แพร และ หม่อน-ฝนทิพย์ ศิริวรรณ” ทั้งคู่ยึดการขายน้ำส้มมาได้เข้าปีที่ 3 แล้ว
มอส บอกว่า เริ่มแรกที่ขายน้ำส้ม คือ เอาน้ำส้มที่พี่ชายทำอยู่แล้วมาขายปลีก ใช้เวลาระหว่างที่กลับมาอยู่บ้านช่วงเรียน ป.โท คณะโลจิสติกส์ที่ ม.รามคำแหง ทำกับแฟนสองคน แล้วคิดว่าพอเรียนจบจะหางานทำ แต่พอขายน้ำส้มมันโอเค แล้วได้อยู่บ้านได้ดูแลตายาย ได้มาขายอยู่หน้าวัด ก็ได้เลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ทำให้ไปจากตรงนี้ไม่ได้แล้ว ก็ตกลงทำกันเต็มตัว
“น้ำส้มผมใช้ส้มสายน้ำผึ้ง กับ ส้มเขียวหวานผสมกัน ถ้าใช้อย่างใดอย่างหนึ่งรสชาติจะโดด แล้วเราก็ปรุงแต่งด้วยเกลือนิดหน่อย เราเน้นความสด และมีเนื้อส้มเช้งที่แกะใส่เพิ่มเข้าไป ไม่มีน้ำตาลเลย ได้รสธรรมชาติแท้ รสชาติขึ้นอยู่กับฤดูกาล บางช่วงเปรี้ยว บางช่วงหวาน”
ความลับความสดชื่อฟินเวอร์ คือ จะใช้เกลือล้างลูกส้มให้สะอาดที่สุด แล้วใช้วิธีบีบทั้งลูก จะได้กลิ่นผิวส้ม แต่ไม่ขม ได้ลองชิมจะรู้เอง
ใครแวะไปเที่ยวอยุธยาลองแวะไปอุดหนุนได้ที่วัดมเหยงคณ์ แต่ถ้าวัดปิดสามารถสั่งดิลิเวอรีได้ แอดไลน์ไอดี pasiwanut หรือ โทร 08-6393-4659
ที่มา : คอลัมน์ เคี้ยวตุ้ย ตะลุยกิน นสพ.มติชน
ผู้เขียน : ชม นำพา