ถ้าไม่นับอาหารไทยแล้ว ที่ยกให้เป็นอันดับหนึ่งในดวงใจตลอดกาล คือ อาหารจีน เมนูแต่ละอย่างล้วนพิถีพิถัน เลือกเฟ้นตั้งแต่วัตถุดิบไปจนถึงเทคนิคการทำ ที่เมื่อรังสรรค์ออกมาแล้วมีรสชาติที่อร่อยลึกล้ำ แต่ละจานสร้างความประทับใจให้กับนักกินเสมอมา
นอกจากรสชาติแล้ว ความหมายของอาหารก็สำคัญมากสำหรับชาวจีน ในโอกาสพิเศษต่างๆ บนโต๊ะอาหารมักถูกนำมาผนวกเข้ากับการสร้างขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิต โดยเฉพาะตรุษจีน ที่ถือเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ อาหารการกินจึงมีความหมายสำคัญ เชื่อว่าเมื่อกินของมงคลก็จะเฮงตลอดทั้งปี
ภัตตาคารจีนในเมืองไทยมีมากมายนับไม่ไหว แต่ถ้าให้จัดลำดับความอร่อย หนึ่งในนั้นต้องยกให้ห้องอาหาร “The silk road” โรงแรมดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล
ห้องอาหารที่นี่ได้ “เชง กัม ซิง” หรือเรียกกันว่า เชฟกั๊ม ชาวจีนกวางตุ้งฝีมือจัดจ้านมาเป็นผู้ดูแล
เชฟกั๊มนั้น เป็นชาวจีนกวางตุ้งโดยแท้ เติบโตในจังหวัดทางตอนใต้ของมณฑลกวางตุ้ง ในครอบครัวที่มีบิดาเป็นเชฟ เชฟกั๊มจึงมีทักษะในด้านการทำอาหารและชื่นชอบการทำงานในครัวตั้งแต่วัยเยาว์
ต่อมาได้เข้าทำงานในภัตตาคารที่มีชื่อเสียงหลายแห่งในฮ่องกง และเส้นทางล่าสุด เขาตัดสินใจเดินทางมายังประเทศไทย เลือกที่จะโชว์ความสามารถในการปรุงอาหารจีนกวางตุ้งเสิร์ฟให้คนไทยได้ลิ้มลอง เป็นที่ติดอกติดใจของหลายต่อหลายคน
นอกจากเมนูปกติของห้องอาหารแล้ว โอกาสพิเศษเทศกาลตรุษจีนเชฟกั๊มได้ครีเอตเมนูใหม่ ล้วนเป็นเมนูมงคลที่ใช้สำหรับเสิร์ฟในเทศกาลนี้
เริ่มต้นด้วย “หยี่ซัง” (Yu sheng)” จานนี้เป็นสลัดฉบับกวางตุ้ง ความหมายที่เป็นมงคล คือ ค้าขายร่ำรวย เป็นสลัดที่คัดผักสมุนไพร 16 อย่าง วางด้วยปลาแซลมอนซาชิมิด้านบน มีซอส 4 ชนิด คือ น้ำมะนาว น้ำจิ้มบ๊วย น้ำมันงา และซีอิ๊ว
ความสนุกของการกินจานนี้ คือ ต้องกินเป็นครอบครัว หรือหมู่คณะ โดยให้ผลัดกันเทน้ำซอสราดบนสลัดแล้วเปล่งเสียงด้วยประโยคที่จะสร้างความเฮง เช่น ร่ำรวย สามัคคีปรองดอง การงานรุ่งเรือง จากนั้นทุกคนล้อมวงกันใช้ตะเกียบคีบสลัดทั้งหมดคนให้เข้ากัน โดยใช้วิธีคีบแล้วยกขึ้นให้สูงแล้วปล่อยให้ตกลงมา
บนจาน ยิ่งสูงเท่าไหร่ยิ่งเฮงเท่านั้น ระหว่างที่ทำสิ่งนี้ก็ให้เปล่งเสียงพูดขอพรเหมือนเดิม ซึ่งสุดท้ายอาจจะเลอะโต๊ะบ้างแต่ก็เป็นสีสันของมื้อไม่น้อย ส่วนรสชาตินั้นอร่อยเกินหน้าตาแบบตกตะลึง มีความสดชื่นและกลิ่นหอมอ่อนของผักสมุนไพร เมื่อกินกับแซลมอนมันก็ฟินไม่หยอกค่ะ
สำหรับเมนูนี้ ถ้ามารับประทานที่ห้องอาหาร แบบจานเล็กสำหรับ 2-4 คน ราคา 1,188++ บาท แบบจานใหญ่สำหรับ 5-10 คน ราคา 2,288++ บาท แต่ถ้าเป็นหยี่ซังเป๋าฮื้อ แบบจานเล็ก ราคา 1,888++ บาท แบบจานใหญ่ ราคา 2,888++ บาท
แต่ถ้าเป็นแบบ To Go (ซื้อกลับบ้าน) หยี่ซัง แซลมอน แบบจานใหญ่สำหรับ 5-10 คน ราคา 2,288++ บาท หยี่ซัง เป๋าฮื้อ แบบจานใหญ่สำหรับ 5-10 คน ราคา 2,888++ บาท
และถ้าใครอยากมอบเมนูมงคลนี้ให้คนที่รัก ก็สามารถซื้อเป็นบัตรกำนัลเพื่อมอบเป็นของขวัญได้อีกด้วย
เมนูต่อมา ผู่นชอย (Chinese New Year Poon Choi) 2,000++ บาท มันคือซุปที่อุดมไปด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆ ตุ๋น อาทิ กังป๋วยแห้ง, กะเพาะปลา, เป๋าฮื้อ, ปลิงทะเล, เห็ดหอม และผัก ปรุงรสด้วยซอส ในความหมายของจานนี้ คือ ประสบความสำเร็จ
จานถัดมา “ลูกชิ้นกุ้งนึ่งกับสาหร่ายเส้นและบร็อกโคลี” ราคา 380++ บาท ในความหมาย มั่งมีศรีสุข เป็นลูกชิ้นกุ้งชิ้นใหญ่โต 2 ลูก รสชาตินัวจากสาหร่ายจีนที่หากินไม่ได้ง่าย ใครชอบกินกุ้งจะรักเมนูนี้
“ลูกชิ้นปลานึ่งสาหร่ายเส้น” ราคา 180++ บาท รับประกันว่าเป็นลูกชิ้นปลาแบบที่ไม่เคยกินที่ไหน ผสมสาหร่ายตัวเดิมเหมือนลูกชิ้นกุ้ง เนื้อสัมผัสนุ่มหยุ่นละมุน เคี้ยวเพลินเลยค่ะ อร่อยแล้วยังมีความหมายว่ากิจการเจริญรุ่งเรืองอีกด้วยนะ
ต่อมา “ข้าวผัดแบบตรุษจีน” ความหมายคือ อายุยืนยาว ข้าวผัดออร์แกนิคสไตล์ตรุษจีน ใส่กุ้ง-ปลา
มาต่อกันด้วยขนมบ้าง “ขนมแป้งแห้วเจี๋ยน” เป็นการนำแป้งมาทอด เคี้ยวกินหนึบหนับ ความหมาย คือ อยู่ดีกินดี ราคา 120++ บาท
สุดท้ายไฮไลต์ของขนมที่อร่อยเกินคาด “ดอกโบตั๋นสอดไส้คัสตาร์ด” ราคา 150++ บาท แปลว่าทุกอย่างราบรื่น รสชาติมีทีเด็ดตรงที่เชฟบรรจงปั้นแป้งเป็นชั้นๆ ถี่ๆ เหมือนกลีบดอกไม้ที่พลิ้วไหว เมื่อกัดลงไปเจอแป้งกรอบเป็นชั้นบาง สอดไส้ด้วยคัสตาร์ดละมุนลิ้น กินไปหนึ่งจะต้องอยากเบิ้ลต่อลูกที่สองแน่นอนค่ะ
สำหรับเมนูในเทศกาลตรุษจีนที่ว่านี้ เสิร์ฟทั้งมื้อกลางวันและเย็น เริ่มตั้งแต่วันที่ 10-21 กุมภาพันธ์ 2564
นอกจากเมนูตรุษจีน ห้องอาหาร The silk road ยังมีเมนูอีกมากมาย เป็นอาหารจีนกวางตุ้งสไตล์คลาสสิก แต่แทรกความทันสมัยเข้าไปในขั้นตอนการปรุงอาหาร กว่า 40 เมนู อาหารแต่ละจานจึงคงความเป็นต้นตำรับ ที่ได้รับการปรุงแต่งด้วยเทคนิคสมัยใหม่ ด้วยแนวคิด “ความดั้งเดิมอันทันสมัย” เป็นหัวใจหลักของเมนูอาหารทั้งหมด
อาทิ เป็ดปักกิ่ง ที่เป็นเมนูเด่นของห้องอาหาร คัดเฉพาะเป็ดขนาดมาตรฐาน หมักด้วยเหล้าจีน สมุนไพร ขิง น้ำตาล และใช้สีธรรมชาติจากถั่วแดง ก่อนจะนำไปย่างจนหนังบางกรอบ แต่ไม่แห้ง หั่นได้ประมาณ 20 ชิ้นในขนาดที่เท่ากัน ส่วนสไตล์การรับประทานอาหารนั้นยังคงแบบจีน เสิร์ฟชาจีนในรูปแบบดั้งเดิม และมีเมนูไวน์จากทั่วโลกไว้ให้บริการ นอกจากนั้น ยังให้บริการอาหารชุด โดยอาหารชุดมื้อกลางวัน ประกอบด้วย ติ่มซำ ข้าว ซุป และชา
บรรยากาศของห้องอาหารเป็นการตกแต่งในแนวย้อนไปในอดีต โดยใช้ศิลปะแบบอาร์ต เดโค ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในกรุงเซี่ยงไฮ้ ในช่วงปี ค.ศ.1920 บานประตูและฝาตู้ใช้ไม้สีม่วงเข้ม กรุกระจกใสที่มีลวดลายสีทอง พื้นโมเสกหินอ่อน และการให้แสงสไตล์เรโทร ทำให้ห้องอาหารดูโอ่อ่า แต่คงบรรยากาศที่เป็นกันเอง
ห้องอาหารที่นี่ หลักๆ มี 42 ที่นั่ง และห้องส่วนตัว 5 ห้อง สามารถรับรองได้รวม 48 ที่นั่ง
ใครสนใจห้องอาหาร The silk road เปิดให้บริการทุกวัน มื้อกลางวัน 12.00-14.30 น. มื้อเย็น 18.00-22.30 น. แต่ปัจจุบันปรับเวลาเปิดเป็น 11.30-21.00 น. หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 0-2650-8800 อีเมล์ [email protected] หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.marriott.com/hotels/travel/bkkla-the-athenee-hotel-a-luxury-collection-hotel-bangkok/
ที่มา : คอลัมน์เคี้ยวตุ้ย ตะลุยกิน มติชน