ไม่ว่าหน้า(ฤดู)ไหน อย่ามองข้าม “ครีมกันแดด”
จะหน้าร้อน หน้าฝน หรือ หน้าหนาว จะหน้าไหนๆ สำหรับเมืองไทย ยังไงก็หนีไม่พ้นกับอากาศร้อนและแสงแดดจัด ซึ่งหลายคนก็มองข้ามการดูแลผิวหน้า โดยคุณหมอแพร – แพทย์หญิงนภัสนันท์ เทพพรพิทักษ์ จากรมย์รวินท์ คอสเมติก มีทริคการดูแลผิวหน้าในแบบฉบับคุณหมอมาฝาก
สองอย่างหลักๆ ที่ทำให้เราเกิดปัญหา ก็คือ แสงแดด และเหงื่อ ซึ่งจะหนีไม่พ้น แสงแดด แสงยูวี และรังสีต่างๆ ซึ่งบ่อเกิดของ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหยาบกร้าน ส่งผลให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ ไม่ว่าจะอยู่สถานที่ใด ทั้ง Outdoor หรือ Indoor เพราะฉะนั้นอย่าลืมป้องกัน ผิวหน้า และผิวตัว
โดยทาผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีคุณภาพ สามารถกันทั้ง UVA และ UBV โดยเลือก SPF 30 ขึ้นไป PA 3+++ หรือ UVA Block ที่สำคัญ ปริมาณการใช้สำหรับการทาผิวหน้าต้องทาทั่วใบหน้าลงถึงคอให้หนาหน่อย โดยปริมาณการทากันแดดเนื้อครีมให้บีบ 2 ข้อนิ้วชี้ แต่ถ้าเป็นกันแดดเนื้อน้ำปริมาณขนาดเหรียญ 10 บาท ทาซ้ำกัน 2 รอบ โดยทาครีมกันแดด 1 รอบเสร็จแล้วรอให้ซึม
จากนั้นทาทับตามอีก 1 รอบ รวมถึงการทากันแดดสำหรับผิวกายคุณหมอแนะนำเป็นเนื้อโลชั่น ให้ทา 2 รอบ หากมีการทำความสะอาดครีมกันแดดออก ต้องทาซ้ำ ที่สำคัญควรเพิ่มตัวช่วยประจำกาย นั่นก็คือ หมวก ร่ม แว่นตากันแดด และเสื้อแขนยาว เพิ่มเติมได้เลย
คุณหมอแพรยังกล่าวอีกว่า ความร้อน มักมาพร้อมกับ “เหงื่อ” ซึ่งเหงื่อนั้นมีประโยชน์มาก เพราะเป็นการระบายความร้อนออกจากร่างกาย แต่ถ้ามีการระบายความร้อนออกมากเกินไป เราอาจรู้สึกกระหายน้ำ แปลว่า ร่างกายเริ่มจะขาดน้ำ จนรู้สึกอ่อนเพลียได้ อาจเป็นเพราะเราสูญเสียเกลือแร่ไปกับเหงื่อมากเกินไปนั่นเอง เพราะฉะนั้น พยายามจิบน้ำ ดื่มน้ำ เรื่อยๆ อย่าให้ร่างกายสูญเสียน้ำ
1.SPF ระดับการป้องกันรังสี UVB ควรอยู่ที่ระดับ 30 ขึ้นไป
2.PA ระดับการป้องกันรังสี UVA อย่างที่เราชอบได้ยินกันว่า บวก บวก ควรมีระดับของ PA สามบวก ขึ้นไป
3.VISIBLE LIGHT AND IR แสงสีฟ้าจากหน้าจอ ขอบอกเลยว่าถึงมองไม่เห็น แต่ก็เป็นอันตรายต่อผิวหน้า
นอกจากระดับของการป้องกันแดด ก็คือความเหมาะสมกับผิวของเรา ว่าผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม ว่าควรใช้เนื้อกันแดดแบบไหน และสำหรับใครที่ผิวแพ้ง่าย ก็ต้องเลือกตัวที่ปราศจากกลิ่นและน้ำหอม รวมถึงประสิทธิภาพในการกันน้ำกันเหงื่อ เพื่อคงการปกป้องได้ยาวนานยิ่งขึ้น
ที่มา : มติชนออนไลน์