โควิดกลับมาระบาดใหม่ “การบินพลเรือน” ออกประกาศระเบียบแนวทางปฏิบัติให้บริการผู้โดยสารสำหรับเส้นทางการบินภายในประเทศ งดเสริ์ฟอาหาร เครื่องดื่ม เว้นที่นั่ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เริ่ม 13 เม.ย.นี้จนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย
นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกประกาศระเบียบสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยว่าด้วยแนวปฎิบัติในการให้บริการผู้โดยสารสำหรับเส้นทางการบินภายในประเทศ ในระหว่างสถานการณ์การระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ. 2564
หลังสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโควิดกลับมามีแนวโน้มรุนแรงและมีการแพร่กระจายไปยังหลายพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการยกระดับการดำเนินมาตรการเฝ้าระวังป้องกันโรคดังกล่าว
เพื่อเป็นการรวบรวมและปรับปรุงมาตรการแนวทางในการปฏิบัติสำหรับการให้บริการแก่ผู้โดยสารในเส้นทางการบินภายในประเทศที่สอดคล้องกับสถานการณ์และมาตรการทางสาธารณสุขที่กพท.ได้เคยออกประกาศไว้โดยอ้างอิงข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548
และคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะสิ้นสุดไป หรือมีประกาศอื่นใดเพิ่มเติม
เช่น ให้ผู้ดำเนินการเดินอากาศดำเนินมาตรการ ดังต่อไปนี้ ในกรณีที่ปรากฏว่าท่าอากาศยานต้นทางไม่มีการทำการตรวจคัดกรองบุคคลที่เข้ามาใช้บริการในท่าอากาศยาน ให้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายของผู้โดยสาร โดยใช้เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดที่ไม่ต้องสัมผัสกับร่างกายของผู้ถูกตรวจวัด ก่อนขึ้นเครื่องให้มีมาตรการและวิธีปฏิบัติเพื่อรักษาระยะห่างของผู้โดยสารตลอดระยะเวลาเดินทาง, ให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า (Mask) ตลอดเวลาที่อยู่ในอากาศยาน ยกเว้นในสถานการณ์จำเป็นหรือฉุกเฉิน
งดการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มในระหว่างการปฏิบัติการบิน รวมทั้งห้ามผู้โดยสารรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่นำติดตัวมาด้วย ยกเว้น ในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็น ลูกเรืออาจพิจารณาจัดน้ำดื่มให้บริการแก่ผู้โดยสารได้
งดการให้บริการหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือแผ่บพับโฆษณาต่าง ๆ สำหรับผู้โดยสารในระหว่างการปฏิบัติการบิน ยกเว้นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยเท่านั้น, งดการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและสินค้าปลอดภาษีอากรในระหว่างการปฏิบัติการบิน, งดจัดให้มีแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 70% เพื่อใช้สำหรับล้างมือไว้ให้บริการอย่างเพียงพอให้กับผู้โดยสารและพนักงานของผู้ดำเนินการเดินอากาศ
สำหรับเที่ยวบินที่ปฏิบัติการบินโดยใช้ระยะเวลามากกว่า 90 นาที ให้มีการสำรองที่นั่งสองแถวหลังสุดด้านใดด้านหนึ่งของอากาศยานไว้สำหรับแยกกักผู้ป่วยหรือสงสัยว่าจะป่วยเพื่อเฝ้าสังเกตอาการและป้องกันการแพร่กระจายของโรค
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์