ออกจะตกใจเล็กน้อยเมื่อไปอ่านพบเจอว่ามีข้อเขียนของ คุณ ส.พลายน้อย ที่พูดถึงรื่องของ “การกิน” ไว้อย่างน่าสนใจ ที่ต้องสนใจมากกว่าปกติเป็นเพราะเวลานี้มีหน้าที่ยุ่งเกี่ยวอยู่กับ “ของกิน” ทั้งเรื่องของการทำหรือปรุงของกิน การตกแต่งของกินให้น่ากิน แล้วยังมีเรื่องวิธีกินรวมอยู่ด้วย ดังนั้น เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับ “ของกิน”เลยเป็นความรู้ใหม่ที่ต้องนำมาถ่ายทอดเล่าสู่กันฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า–แต่ก่อนนั้น จะนานสักแค่ไหนไม่ทราบได้ เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมานานแล้วว่า “คนเราไม่มีใครตายเพราะกิน” แต่เอาเข้าจริง ไม่ใช่เลย!! เพราะ “การกิน” ก็สามารถฆ่าคนได้เหมือนกัน แต่จะฆ่าให้ตายแบบไหนเท่านั้นเอง บางคนอาจไขมันจุกอกตาย บางคนอาจท้องแตกตาย อย่าง “ชูชก” ในเรื่องพระเจ้าสิบชาติ ตอนพระเวสสันดร ที่ตะกละกินอาหารเลี้ยงในวังจนท้องแตกตายคาวงข้าว ในวรรณคดีไทยยังมีอีกคน คือ “ขุนช้าง” เศรษฐีใหญ่เมืองสุพรรณบุรี จากเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” บทเรียนภาษาไทยตั้งแต่สมัยมัธยม
“ขุนช้าง” ในเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” ตอน “แต่งงานพระไวย” ตัวหนังสือบอกเล่าบรรยายภาพให้เห็นความเป็น “คนกินจุ” ของขุนช้างอย่างกับเราเห็นด้วยตาตัวเอง ขุนช้างจะกินอย่างไรนั้น คำบรรยายมีว่า “ปะหมูไก่ใส่สิ้นกินออกซน กระดูกกระเดี้ยวเคี้ยวป่นเป็นแป้งไป” ถึงแม้จะเป็นเรื่องแต่งในวรรณคดี แต่เรื่องจริงอย่างนี้ก็มีเหมือนกัน
นอกจากนั้นแล้ว บางคนอาจป่วยเป็นโรคตายจากการกิน เช่นปัจจุบันนี้มีหลายโรคมากมายที่เกิดจากการกินมากเกินไป หรือเรียกง่ายๆ “โรคอ้วน” นั่นเอง ซึ่งนำไปสู่โรคอื่นๆ ต่อไป เช่น โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด น้ำตาลในเลือดสูง จนสุดท้ายก็ต้องเสียชีวิตจากไปในวัยยังไม่สมควร เป็นต้น
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า ที่เล่ามาว่าด้วยเรื่องการกินมากหรือ “กินจุ” มีเหตุการณ์จริงเกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 แผ่นดินในสมัยนั้นมีพระภิกษุรูปหนึ่ง สมณศักดิ์เป็น “พระศีลพรหมจรรย์” เป็นภิกษุชาวเมืองนครศรีธรรมราชปักษ์ใต้บ้านเรา แต่ว่ามาจำพรรษาอยู่ที่วัดบางลำพู หรือ วัดสังเวช แถวๆ ป้อมพระสุเมรุ ตั้งอยู่ที่ช่วงปลายถนนพระอาทิตย์ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงปากคลองบางลำพูนั่นแหละ
พระศีลพรหมจรรย์ รูปนี้ท่านมีชื่อเสียงในเรื่อง “การฉันจุมาก” ครั้งหนึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีงานเลี้ยงพระให้เลือกนิมนต์เฉพาะรูปที่ฉันจุเท่านั้น ปรากฏว่าพระศีลพรหมจรรย์ เป็นหนึ่งในพระที่ได้รับนิมนต์ด้วย เมื่อถึงเวลาฉันท่านสามารถทำคะแนนได้ดีเยี่ยม คือสามารถฉันเป็ดได้ 7 ตัว นับเป็นสถิติที่ไม่มีพระรูปใดหรือคนไทยคนใดทำได้มาก่อน
มาถึงเรื่องของฝรั่งบ้าง อันที่จริงเรื่องทำนองนี้ในต่างประเทศมีให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ในเกมหรือการแข่งขันการกิน แต่นั่นการแข่งขันก็คือการแข่งขัน คนเข้าแข่งต้องฝึกซ้อมหรือต้องหาวิธีที่จะเอาชนะในเกมให้ได้ แต่หากเรื่องกินจุที่จะเล่าถึงต่อไปนี้ไม่ใช่เป็นการแข่งขัน แต่เป็นรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของฝรั่ง ราวๆ ศตวรรษที่ 18 มีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย กล่าวคือมีชายช่างเขียนหรือจิตกรชาวฝรั่งเศส ชื่อ Jacques Louis David กินอาหารธรรมดา มื้อเช้า ใบรายการอาหารระบุว่ามีหอย 48 ตัว สเต็กเนื้อ 1 จาน เนื้อซี่โครงแกะอีก 4 ชิ้น มันฝรั่งและปลาอีก 8 ตัว นี่เป็นรายการกินคนเดียว
ที่ห้องสมุด Boddlian ประเทศอังกฤษได้เก็บบิลรุ่นเก่าที่บันทึกราคาค่าอาหารของพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ว่าพระเจ้าปีเตอร์มหาราช กับข้าราชสำนัก 12 คน ได้รับประทานมื้อเช้า ดังนี้ แกะครึ่งตัว ลูกไก่อีก 15 ตัว เป็ด 48 ตัว และไข่ 48 ฟอง อย่างไรก็ตาม การกินในประวัติศาสตร์จะว่าไปแล้วไม่มีครั้งไหนยิ่งใหญ่เท่ากับการเลี้ยงใหญ่ปราสาทคาวู้ด ประเทศอังกฤษ เมื่อ ค.ศ.1566 (พ.ศ.2109) ตรงกับแผ่นสมเด็จพระมหาจักรพรรดิของไทย ในการกินครั้งนี้ปรากฏตามรายการอาหาร ว่า ใช้วัว 104 ตัว เนื้อกวาง 500 ตัว แกะ 1,000 ตัว ห่าน 400 ตัว ไก่ตอน 1,000 ตัว ไก่ฟ้า 200 ตัว นกซ่อม 400 ตัว ลูกไก่ 2,000 ตัว และยังมีสัตว์ต่างๆ อีกมากมายที่ไม่ได้บันทึกไว้ในรายการ นอกจากเรื่องของจำนวนสัตว์ต่างๆ ที่ใช้ในงานเลี้ยงแล้ว การเตรียมอาหารก็ต้องใช้เวลาหลายวันเช่นกัน แถมยังต้องใช้คนงานถึง 2,000 คน นับว่าเป็นอภิมหางานเลี้ยงในประวัติศาสตร์จริงๆ
นอกเหนือจากเรื่องกินจุแล้ว เรื่องของทิศในการนั่งกินก็เป็นเรื่องสำคัญ ใครจะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้ก็มีด้วย ทุกวันนี้อาศัยความสะดวกเป็นตัวตั้ง จะหันหน้าไปทางทิศไหน ก็ไม่แคร์ทั้งนั้น กินแล้วก็แล้วกัน แต่คนโบราณนนั้นเรื่องของทิศทาง หรือ ฮวงจุ้ยเป็นสิ่งสำคัญและแทบจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเลยทีเดียว อย่างเรื่องของสีที่ใช้ในการแต่งกายเป็นต้น สำหรับเรื่องทิศในการกินนั้น เขาบอกว่าทิศที่เหมาะในการนั่งกินข้าว จะต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทิศใต้ และทิศตะวันตก จึงจะดี ใครอยากอายุยืน มีทรัพย์สิน มียศ ก็ต้องเลือกนั่งให้ถูกทิศ ส่วนทิศที่ไม่ดีในการนั่งกินมีทิศเดียว คือ ห้ามหันหน้าไปทางทิศเหนือ
เท็จจริงอย่างไรไม่ยืนยัน เพียงแต่นำเอาเรื่องของคนยุคก่อนมาเล่าสู่กันฟัง เพราะฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคลว่าจะเชื่อหรือไม่ เห็นด้วยหรือไม่ อย่างไรก็สุดแท้แต่ใจจะคิดเห็น
——————–