5 เมนูเจที่ต้องลอง อร่อยมีประโยชน์ ไม่จำเจ
อีกหนึ่งเทศกาลบุญครั้งใหญ่ประจำปี คงหนีไม่พ้นกับ เทศกาลกินเจ ที่จัดขึ้นปีละครั้ง ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน เป็นช่วงเวลาของคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนละเว้นเนื้อสัตว์เป็นเวลา 9 วัน 9 คืน ซึ่งการกินเจนอกจากจะได้บุญแล้ว ยังถือเป็นการรีเฟรชร่างกายไปในตัว ทั้งช่วยให้การย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
แต่สำหรับบางคนที่ถูกใจรสชาติของผัก ไม่ถูกปากรสชาติอาหารเจ หรือบางคนก็กลัวว่าทานอาหารเจแล้วทำให้อ้วน เพราะจะทานแป้งเยอะและหิวเร็วกว่าปกติ วันนี้มีเมนูเจยอดฮิตรับประกันอร่อยถูกปาก ได้ประโยชน์ครบถ้วน รสชาติไม่จำเจมาแนะนำ
“ผัดหมี่ซั่ว”
เมนูแรกที่พลาดไม่ได้และนับเป็นเมนูขายดิบขายดียกให้ “ผัดหมี่ซั่ว” หรือ บะหมี่อายุยืน เป็นเมนูมงคล นิยมรับประทานในวันมงคล อย่าง ตรุษจีน วันเกิด เพราะตามความเชื่อของชาวจีนเชื่อว่า ความยาวของบะหมี่นั้นหมายถึงการมีอายุยืนยาว ดังนั้นเวลาผัดเส้นหมี่ซั่วต้องผัดให้เส้นไม่ขาดจากกัน ผัดหมี่ซั่วยังอุดมไปด้วยผักนานาชนิด อาทิ “เห็ดหอม” มีแคลอรี่ต่ำและอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารอย่างวิตามินและแร่ธาตุ “กะหล่ำปลี” มีวิตามินซีสูง ช่วยแก้และบรรเทาอาการท้องผูก ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน “ขึ้นฉ่าย” ช่วยลดไขมันในเลือด คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ป้องกันภาวะความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจ “แคร์รอต” ช่วยบำรุงและรักษาสายตา มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีส่วนช่วยในการชะลอวัย และการเกิดริ้วรอยแห่งวัย และ เต้าหู้ แหล่งโปรตีนหลักของคนทานเจที่ทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้เป็นอย่างดี
“จับฉ่ายเจ”
“จับฉ่าย” เมนูคลีนๆ ไร้น้ำมัน ผักนานาชนิดนำมาต้มจนเปื่อย ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว เกลือ ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ กลิ่นหอมของน้ำซุปร้อนๆ รสชาติกลมกล่อม หวานน้ำต้มผัก เสริมโปรตีนด้วยเต้าหู้ และฟองเต้าหู้ สำหรับผักที่นิยมนำมาต้มจับฉ่าย ได้แก่ “หัวไชเท้า” สรรพคุณหัวไชเท้า ช่วยในการขับและละลายเสมหะ ช่วยฟอกตับ ลดความเสียหายของตับที่ได้รับสารพิษ “กะหล่ำปลี” มีวิตามินซีสูง ช่วยแก้และบรรเทาอาการท้องผูก “คะน้า” ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย บำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง บำรุงผิวพรรณ เพิ่มคอลลาเจนให้ผิว
“ผัดพริกขิง”
“ผัดพริกขิง” อีกหนึ่งเมนูสุดฮอตที่ต้องมีขายทุกร้าน แม้ชื่อผัดพริกขิง แต่ไม่ได้มีขิงเป็นส่วนผสมแม้แต่น้อย ผัดพริกขิงรสชาติจะคล้ายๆ ผัดพริกแกง แต่จะอ่อนเผ็ดและรสหวานนำ ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ โปรตีนเกษตรทอดกรอบๆ นำมาคลุกกับเครื่องแกงเผ็ดที่ผัดจนหอม เมื่อนำมาคลุกข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเกินห้ามใจ ในเครื่องแกงเผ็ดอุดมไปด้วยสมุนไพรชั้นยอด อย่าง พริกชี้ฟ้าแห้ง ตะไคร้ ข่า มะกรูด กระชาย บางสูตรจะใส่ถั่วฝักยาว เพื่อเพิ่มรสสัมผัส
“แกงเผ็ดฟักทอง”
มาถึงเมนูแกงขายดีอย่าง “แกงเผ็ดฟักทอง” แกงกะทิข้นๆ หอม มัน กลิ่นกะทิคั้นสดๆ เคี่ยวกับเครื่องแกงหอมสมุนไพร ฟักทองเนื้อเหนียวหนึบ รสแกงเข้มข้นกลมกล่อม หวานมันหอมอร่อย เมนูนี้นอกจากจะอร่อยถูกใจแล้ว ยังมีประโยชน์จาก “กะทิ” อุดมด้วย วิตามินบี1, วิตามินบี2, วิตามินบี3, วิตามินบี6 และ วิตามินซี ช่วยแก้โรคเหน็บชา บำรุงผิวพรรณ ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ส่วน “ฟักทอง” มีไขมันน้อย น้ำตาลน้อย ให้พลังงานต่ำ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการชะลอวัยและความแก่ชรา · ช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพผิวและปกป้องผิวไม่ให้เหี่ยวย่น
“น้ำพริกอ่องเจ”
ปิดท้ายเมนูเจที่ต้องลอง “น้ำพริกอ่องเจ” รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด จัดจ้าน ครบรส ทานแกล้มกับผักสด ข้าวสวย หรือ ข้าวเหนียวก็อร่อย โดยน้ำพริกอ่องเจ จะใช้เต้าหู้แทนหมูสับ รสเปรี้ยวจากมะเขือเทศสีดา ซึ่งเต็มไปด้วยวิตามินซี วิตามินเอ วิตามินเค มีใยอาหารสูง ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน มีเบตาแคโรทีนและฟอสฟอรัสในปริมาณมาก ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
ใครที่ยังไม่เคยลองทานอาหารเจแนะนำว่าให้ลองทาน 5 เมนูแสนอร่อย รับรองจะติดใจ สำหรับใครที่อยากทำอาหารเจทานเอง มติชน อคาเดมี มีคอร์สสอน น้ำพริกเจ 5 ชนิด และ 6 สูตรอาหารเจ สอนโดย อ.ขนิษฐา ชัยชาญกุล ผู้คร่ำหวอดในสายอาหารมานานกว่า 30 ปี หากสนใจสามารถติดต่อได้ที่ 08-2993-9097 , 08-2993-9105 หรือ line : @matichonacademy ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.matichonacademy.com/home