กลายเป็นกระแส BNK48 ที่มีความนิยม และพูดถึงแพร่หลาย มีฐานแฟนคลับ “โอตะ” เพิ่มขึ้นต่อเนื่องกับความมุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้ง กับ “คุ้กกี้เสี่ยงทาย”
“กระแสดิจิทัล โซเชี่ยลเป็นตัวส่งให้ บีเอ็นเค 48 เติบโตอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดเป็นกลยุทธ์ที่บริษัทวางไว้ เพราะพฤติกรรมคนเปลี่ยนไปเสพสื่อออนไลน์มากขึ้น ทิศทางของบริษัทก็ต้องมุ่งให้ความสำคัญกับดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ไทยเป็นประเทศแรกที่สร้าง “ตู้ปลา” ขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งให้ไอดอลกรุ๊ปได้ฝึกฝนทักษะ ขณะเดียวกันก็เปิดพื้นที่ให้เหล่าแฟนคลับสามารถติดตามไอดอลกรุ๊ปได้อย่างใกล้ชิด” ณัฐพล บวรวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บีเอ็นเค โฟร์ตี้เอท ออฟฟิศ จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ”
ขณะที่สเต็ปที่ 2 ที่กำลังเกิดขึ้น คือ การขยายฐานแฟนคลับจากนิชมาร์เก็ตไปสู่กลุ่มแมส เพื่อให้เกิดฐานแฟนคลับหลากหลายขึ้นในทุกกลุ่มอายุ ตามด้วยเดินหน้าออกอีเวนต์ โรดโชว์ต่างจังหวัดมากขึ้น ทำให้คนรู้จักในวงกว้าง ตอกย้ำแบรนด์ บีเอ็นเค 48 ให้แข็งแกร่ง
“ทุกกลยุทธ์ที่วางไว้ถูกเชื่อมโยงเข้ากัน เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ สะสมฐานแฟนให้มากที่สุด และขยายฐานสู่กลุ่มแมสมาก เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่ คือ การเปิดการแสดงใหญ่ที่สนามราชมังคลาฯที่จุได้ 60,000 คน แต่จะเริ่มเมื่อไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับพลังของฐานแฟนคลับว่าจะใหญ่ขึ้นแค่ไหน”
ณัฐพลย้ำว่า ฐานแฟนคลับที่แข็งแรงมีผลต่อธุรกิจบันเทิงอย่างมาก ซึ่งบีเอ็นเค 48 เกิดและโตมาพร้อม ๆ กับฐานแฟนคลับ ถือเป็นฐานสำคัญที่เข้ามาสนับสนุนผ่านเครื่องมือการตลาดหลาย ๆ ส่วน โดยเฉพาะการซื้อสินค้าเมอร์แชนไดส์ ซึ่งเป็นรายหลักของบริษัท คิดเป็นสัดส่วนถึง 40% รองมาคือ พรีเซ็นเตอร์ สปอนเซอร์ 40% และอีเวนต์ 20% ของรายได้รวม
ด้วยกระแสบีเอ็นเค 48 ที่ได้รับความนิยม ส่งผลให้มีสินค้าหลายแบรนด์ติดต่อเข้ามาเพื่อให้บีเอ็นเค 48 เป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ ขณะนี้ก็เกือบครบแล้ว เช่น เอพีฮอนด้า ฟูจิฟิล์ม ยาโยอิ เป็นต้น และมีอีก 2-3 แบรนด์เตรียมลอนช์เร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม การเลือกพรีเซ็นเตอร์ของสินค้าแต่ละแบรนด์ บริษัทจะพิจารณาจากแคแร็กเตอร์ของสมาชิกแต่ละรายว่า เหมาะสมกับสินค้าประเภทใด ซึ่งจะกระจายงานให้สมาชิกทุก ๆ คนในวง
นอกจากนี้ เตรียมต่อยอดการบริหารศิลปินสู่งานแสดง ทั้งละครและภาพยนตร์จะพิจารณาจากศักยภาพของสมาชิกในวงแต่ละคน
ขณะเดียวกัน บริษัทร่วมกับช่องทีวีดิจิทัลผลิตรายการร่วมกันมากขึ้น จากเดิมที่บริษัทเป็นผู้ผลิตและขายโฆษณาเอง ปัจจุบันมีรายการที่ออนแอร์อยู่ 2 รายการ คือ AITAKATTA ! NIPPON ตามรอยสถานที่จริงที่ปรากฏในฉากอนิเมะต่าง ๆ กับสมาชิก BNK48 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 22.00-22.30 น. ช่องอมรินทร์ทีวี และ The Journey ช่องเอ็มคอท 30 เอชดี
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเตรียมเปิดตัว เดอะแคมปัส (The Campus) บนพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ชั้น 4 เดอะมอลล์บางกะปิ คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะมีการแสดงโชว์ของบีเคเอ็น 48 ที่หมุนเวียนกันมาแสดงทุกวันเสาร์ อาทิตย์ รวม 3 รอบ ร้านอาหาร คาเฟ่ และจุดจำหน่ายสินค้าเมอร์แชนไดส์ ซึ่งเป็นอีกกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ลอยัลตี้อย่างต่อเนื่อง
“แม้บริษัทจะซื้อลิขสิทธิ์ไอดอลกรุ๊ปมาจากญี่ปุ่นแต่ก็มีการบริหารจัดการให้สอดรับกับวัฒนธรรมของแฟนคลับไทย เพื่อให้แฟนคลับไม่รู้สึกอึดอัด แต่ก็ยังคงแก่นหลักของ เอเคบี 48”
ขณะที่กระแสของ BNK48 ด้านหนึ่งทำให้มีสินค้าและบริการต่างแห่กันเข้ามาดึงเป็นพรีเซ็นเตอร์ไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์แล้ว และหากสมาชิกรายใดกระแสดี ค่าตัวขยับขึ้นสูงถึง 100,000 บาท ต่อชั่วโมง
สำหรับการสมัครออดิชั่น BNK48 รุ่น 2 เปิดรับสมัครไปตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2560 ถึง 1 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา และขณะนี้ผ่านขั้นตอนคัดเลือกเข้ารอบ 300 คนแล้ว
โดยการเปิด BNK48 รุ่น 2 เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ขยายฐานแฟนคลับ โดยเปิดรับสมัครไอดอลสาวรุ่นใหม่ อายุ 12-22 ปี ที่มีความสามารถในการร้อง เต้น เล่นละคร เพื่อเข้าเป็นสมาชิก ของวง BNK48
จากนี้ก็ต้องมารอดูกันว่าสมาชิกเจเนเรชั่น 2 ของ ไอดอลสาวๆ BNK48 จะสานต่อความฮอตฮิต และสร้างกระแสดังทะลุต่อเนื่องจนเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ได้อีกหรือไม่…โปรดติดตาม
Source
– นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
– audition.bnk48.com