ไม่ได้แค่แก้ช้ำใน! ‘บัวบก’ ผักพื้นบ้านสรรพคุณเยอะจนพาดหัวไม่พอ-แจกวิธีทำน้ำบัวบกเป็นยา
-
เผยแพร่ วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ.2560 นับวัน พืชผักสมุนไพรไทยจะได้รับการพิสูจน์ให้เห็นสรรพคุณอันมหัศจรรย์ในโลกสมัยใหม่ยิ่งขึ้นทุกที อย่างเมื่อเร็วๆ นี้เอง ผักพื้นบ้านธรรมดาๆ ชนิดหนึ่งของไทย ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “บัวบก” หรือ “ผักหนอก” หรือ “ผักแว่น” ก็ได้รับการวิจัยค้นพบสรรพคุณที่ยกฐานะผักจิ้มน้ำพริกตัวนี้ ขึ้นสู่ระดับสมุนไพร 5 ดาว
ที่น่ายินดีคือผู้ค้นพบสรรพคุณใหม่ของบัวบก เป็นนักวิจัยคนไทยผู้พบว่าบัวบกมีสารฆ่าเนื้อร้ายในลำไส้ใหญ่ได้
นี่เป็นการค้นพบที่สำคัญมาก เพราะแค่สมุนไพรชนิดหนึ่งสามารถช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง ไม่ให้ลุกลามก็นับว่าเจ๋งแล้ว ยิ่งสามารถขนาดฆ่าเซลล์มะเร็งได้อย่างบัวบกก็ต้องนับว่าเป็นสมุนไพรมหัศจรรย์เลยทีเดียว
วิธีวิจัยก็น่าสนใจมาก เพราะมีการนำสารสกัดบัวบกมาฆ่าเซลล์เนื้อร้ายจากลำไส้ใหญ่ ในหลอดทดลองให้เห็นกันจะจะ และเมื่อนำสารสกัดบัวบกไปป้อนให้ หนูทดลองที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ก็พบว่าเซลล์มะเร็งของคุณหนูๆ มีขนาดลดลง
ตามมาตรฐานการวิจัยนั้น หากยาใดทดลองกับหนูได้ผล ก็สามารถนำมาใช้ในคนได้ผลอย่างเดียวกันด้วย
อันที่จริง งานวิจัยชิ้นนี้คือเป็นการต่อยอดจากภูมิปัญญาไทย ดั้งเดิมที่ใช้น้ำต้มบัวบกสดดื่มแก้ช้ำใน หรือใช้น้ำคั้นบัวบกชำระแผลสด แผลเปื่อย
ภายหลังมีการศึกษาวิจัย พบว่าเหตุที่บัวบกแก้ช้ำในได้นั้นเพราะมีสารสำคัญ 3 ตัว คือ กรดมาเดคาสสิก (madecassic acid) กรดเอเชียติก (Asiatic acid) และ เอเซียติโคไซด์ (Asiaticoside) อันเป็นที่มาของชื่อสามัญในภาษาอังกฤษว่า Asiatic Pennywort และชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Centella asiatica ซึ่งนอกจากจะมีสารสำคัญประจำตัวว่ากรดเอเชียติกแล้ว ยังมีใบขอบหยักวงกลมขนาดเล็กเท่าเหรียญเพนนีหรือเหรียญเซนต์ด้วย
แต่วันนี้บัวบกก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีคุณค่ามากกว่าเหรียญเพนนีหลายพันเท่า
สารสำคัญ ทั้ง 3 ชนิดในน้ำบัวบกเมื่อรวมกันเรียกว่า สารไตรเทอร์ปีนส์ (Triterpenes) ซึ่งช่วยรักษาบาดผลสดและแผลเปื่อยได้เป็นอย่างดี โดยช่วยขจัดเชื้อหนองออกมาจากแผลจนเกลี้ยงเกลา เพราะน้ำคั้นบัวบกสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียง่ายๆ หลายชนิดที่ทำให้แผลอักเสบเป็นหนอง เช่น เชื่อแสตพไฟโลค็อกคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) เชื้อบีต้า สเตรปโต ค็อกคัส (B-Strepto coccus) และกระทั่งเชื้อแรงๆ อย่างสูโดโมแนส แอรูจิโนซ่า (Pseudomonas aeruginosa) เป็นต้น
จากนั้นสารสำคัญในบัวบกจะช่วยเร่งสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ช่วยสมานแผลให้หายสนิท โดยไม่เกิดคีลอยด์ (Keloid) หรือแผลนูนที่ดูไม่สวย
ที่น่าทึ่งก็คือ ถ้าดื่มน้ำคั้นบัวบกก็จะให้ผลในการรักษาแผลเน่าเปื่อยได้เช่นกัน ข้อมูลตรงนี้ได้จากหลักฐานการทดลองกับคุณหนูๆ อีกนั่นแหละ
กล่าวคือ หากป้อนน้ำสารสกัดบัวบกให้หนูกินทางปาก ในขนาด 100 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักหนู 1 กิโลกรัม เป็นประจำ ภายใน 7 วัน ก็จะพบว่าขนาดของแผลลดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาทดแทน คือช่วยเรียกเนื้อจนผิวหนังปิดสนิทเร็วขึ้น
นอกจากมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแล้ว สารสำคัญของบัวบก ยังมีฤทธิ์ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเยียวยาบริเวณที่ช้ำและเป็นแผล ซึ่งมีส่วนช่วยให้อาการช้ำในและบาดแผลหายเร็วขึ้นด้วย
จริงอยู่บัวบกเป็นผักพื้นบ้านใกล้ตัวที่คนไทยนำมาบริโภคได้ง่ายอยู่แล้ว แต่มีข้อมูลสำคัญที่มักเข้าใจผิดกันว่า บัวบกนั้นใช้แต่ส่วนใบมารับประทาน จนเรียกน้ำใบบัวบกจนติดปาก
ทั้งที่อันที่จริงแล้ว การเอาเฉพาะส่วนใบมาใช้จะได้ตัวยาไม่ครบ การใช้บัวบกทุกครั้งไม่ว่าจะนำมาจิ้มน้ำพริกกิน หรือนำมาคั้นน้ำดื่ม หรือเอามาใช้เป็นยาภายนอก จะต้องใช้บัวบกทั้งต้น ใบ และรากด้วย
เพราะในรากนั้นมีตัวยาอยู่มาก นอกจากมีฤทธิ์สมานแผลแก้ช้ำในแล้ว ยังเป็นยาบำรุงสมอง ช่วยให้ความจำดีขึ้น และแน่นอน เป็นยาบำรุงกำลังที่คนไทยรู้จักกันมาช้านาน
เห็นสรรพคุณเด็ดขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าจะให้ตั้งหน้าตั้งตาหาบัวบกมากินกันไม่บันยะบันยัง เพราะบัวบกเป็นยาเย็นจัด หากกินมากอาจทำให้ท้องอืดท้องร่วง หัวใจสั่น ปวดหัว หรือวิงเวียนศีรษะได้
เคล็ดการกินบัวบกอย่างง่ายๆ และได้ผลดี คือเอาบัวบกทั้งต้น ทั้งราก มาจิ้มน้ำพริกกิน วันละหนึ่งกำมือ เพียงเท่านี้ก็ช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวในร่างกาย เพิ่มภูมิต้านทานโรคภัยไข้เจ็บได้อีกโขแล้ว
วิธีปรุงบัวบกนั้น มี 2 วิธี คือ คั้นน้ำบัวสด เป็นวิธีทำน้ำบัวบกเป็นเครื่องดื่ม
นำบัวบกสดมา 1 กำมือ ตำให้แหลกละเอียด แล้วเติมน้ำ 1 แก้ว คนให้เข้ากัน กรองกากออกคั้นเอาแต่น้ำยาแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาล และเกลือนิดหน่อย ช่วยให้ดื่มได้ง่ายขึ้น การปรุงบัวบกแบบนี้ สามารถดื่มได้ครั้งละ 1 แก้ว เป็นประจำทุกวัน
ต้มน้ำบัวบก เป็นวิธีทำน้ำบัวบกเป็นยา
ใช้บัวบก 1 กำมือ ต้มกับน้ำ 3 แก้ว เมื่อยาเดือดแล้ว รี่ไฟให้น้ำยาเดือดอ่อนๆ ต่อไปอีก 15 นาที หรือจนน้ำยางวดลงเหลือ 1 แก้ว น้ำยาที่ได้ใหม่ๆ จะมีสีเหลือง เมื่อเย็นลงจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว มีรสขมมาก อาจเติมน้ำตาลเล็กน้อย ปรุงรสให้กินง่ายขึ้น
ขนาดที่ใช้ กินครั้งละ 30 ซีซี วันละ 3 ครั้ง ยาต้มนี้เมื่อกินเข้าไป ลมหายใจจะมีกลิ่นหอม หัวใจชุ่มชื่น ไม่ควรกินยาต้มบัวบกมากเกินไป เพราะอาจเกิดพิษข้างเคียงได้
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้บัวบกแบบผงได้อีกด้วย ในตำรายาไทย ใช้ผงบัวบก 2 ส่วน ผสมผงพริกไทย 1 ส่วน ละลายน้ำร้อนกินก่อนนอน ครั้งละครึ่งช้อนชา กินขนาดนี้เป็นประจำได้ ถ้าเกินขนาดอาจะเป็นพิษได้
กล่าวกันว่ายาตำรับนี้ กิน 1 เดือน โรคร้ายหายสิ้น มีปัญญาดี
กิน 2 เดือน ร่างกายบริบูรณ์ น่ารัก เป็นเสน่ห์
กิน 3 เดือน ริดสีดวง 10 จำพวกหายสิ้น
กิน 4 เดือน ลมสิบจำพวกหายหมด
กิน 5 เดือน โรคร้ายในกายทุเลาขึ้น
กิน 6 เดือน ไม่รู้จักเมื่อยขบ
กิน 7 เดือน ผิวกายจะสวยงามทั้งหมดนี้เป็นคำกล่าวของคนโบราณ จะจริงเท็จอย่างไร ก็พิสูจน์ด้วยตัวเองได้ ข้อสำคัญอย่ารับประทานเกินขนาด หรือจะใช้สูตรของชาวภารตะ เขากินนมผสมผงบัวบกจนติดเป็นนิสัย ถือว่าเป็นยาช่วยให้ความจำดี เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
บัวบกเป็นพืชผักล้มลุกที่ปลูกง่าย มีชีวิตยืนยาวหลายฤดูกาล ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ แต่ต้องมีแดด เชื่อว่าถ้าคนรุ่นใหม่นิยมดื่มน้ำบัวบกกันมากขึ้น ก็จะช่วยให้บัวบกไม่สูญพันธุ์ไปจากตลาดสดเมืองไทย
แถมยังเป็นเครื่องดื่มบำรุงสมอง บำรุงร่างกาย ที่ราคาถูกกว่าและสรรพคุณดีกว่า เครื่องดื่มแบรนด์ดัง ราคาแพงๆ ที่ทุ่มโฆษณากันเกินพอดีอยู่ในเวลานี้
กด like ติดตาม matichonweekly.com
คุณรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับบทความนี้
คลิกคุณรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับบทความนี้
และอยากให้เพื่อนรู้
คลิก- รู้จัก Matichon Academy
- Course น่าสนใจ
- ตารางเรียน
- ทัวร์สนุกไปกับเรา
- Content พาเพลิน
- Food Story อาหาร
- Review พาชิมพาส่อง
- Recipes สูตรอาหาร
- Tips & Tricks สารพันเกร็ดน่ารู้
- Travel ท่องเที่ยว
- Culture ศิลปวัฒนธรรม
- Journal ข่าวสาร
- Talk with Matichon Academy บทสัมภาษณ์
- Business ธุรกิจ
- Human of Office ชีวิตมนุษย์เงินเดือน
- Money เงินทองต้องรู้
- Lifestyle ไลฟ์สไตล์
- Health สุขภาพดีๆ
- Technology
- Entertainment บันเทิง
- Event อีเวนต์
- Promotion โปรโมชั่น
- บริการของเรา
- ติดต่อเรา