ว่าที่ “มหาเศรษฐีใหม่” โลกจะมาจาก ธุรกิจ “เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์”

Business ธุรกิจ

บ้านเราอาจจะตกใจกับข่าวที่ร้านสะดวกซื้อเจ้าดังเตรียมนำเทคโนโลยี “จดจำใบหน้า” หรือ Face Recognition มาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค จนมีจำนวนหนึ่งรู้สึกว่าอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวหรือไม่

โดยเทคโนโลยีที่ร้านสะดวกซื้อแห่งนี้จะนำมาใช้นั้นก็อิงมาจากกระแสความนิยมเทคโนโลยีนี้จากในประเทศจีนที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นและมีการนำมาใช้บ้างแล้วในร้านค้า ซึ่งจะเก็บบันทึกข้อมูล และวิเคราะห์ครอบคลุมหลายด้าน ตั้งแต่พฤติกรรมลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน จำนวนลูกค้าเข้าร้าน ระยะเวลาที่ลูกค้าอยู่ในร้านการใช้เวลาหน้าชั้นวางสินค้า และจับอารมณ์ของลูกค้าเมื่อเดินผ่านชั้นวางสินค้า รวมไปถึงการให้บริการของพนักงาน
ในประเทศจีน มีการพัฒนาซอฟท์แวร์เทคโนโลยีจดจำใบหน้านี้เพื่อการใช้จ่ายเงินผ่านมือถือของแอพฯอาลีเพย์ และถือเป็นสุดยอดนวัตกรรมของปี 2017 จากการจัดอันดับจาก MIT
เทคโนโลยีจดจำใบหน้านี้กำลังถูกหมายตาจากทั้งหน่วยงานราชการและเอกชนนำไปใช้ในด้านประชากรศาสตร์
ดูเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์ ท่ามกลางความรู้สึกของลูกค้าที่อาจสูญเสียความเป็นส่วนตัวไป

อย่างไรก็ดี ในอีกแง่หนึ่ง เทคโนโลยีนี้ก็ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านการรักษาความปลอดภัย เช่น สำนักงานความปลอดภัยด้านการคมนาคมของสหรัฐฯ กำลังทดลองใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่สนามบินนานาชาตินครลอสแองเจิลลีส ในการถ่ายรูปใบหน้าของผู้โดยสารเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับรูปบนพาสปอร์ต ก่อนที่จะผ่านจุดตรวจความปลอดภัย

หากการทดลองนี้น่าพอใจเป็นไปได้ว่าจะมีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ตามสนามบินต่างๆ ในสหรัฐฯ

หรือบางบริษัทก็อยู่ระหว่างพัฒนาซอฟท์แวร์เทคโนโลยีจดจำใบหน้า เพื่อช่วยตำรวจในการติดตามประวัติของผู้ต้องสงสัย เพียงการถ่ายภาพบุคคลต้องสงสัยผ่านสมาร์ทโฟน แล้วเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลว่าได้ว่าบุคคลนั้นมีประวัติด้านอาชญากรรมหรือไม่
ขณะที่ธุรกิจและอุตสาหกรรมหลายสาขาเตรียมนำเทคโนโลยีเอไอมาประยุกต์ใช้จนนำมาสู่การคาดการณ์ว่าต่อไปเราจะมีมหาเศรษฐีจากสายเอไอโดยเฉพาะ

และยังคาดว่าจะเป็นมหาเศรษฐีระดับล้านเหรียญดอลลาร์ด้วย

เป็นการคอนเฟิร์มจาก “มาร์ค คิวบัน” เศรษฐีคนดัง เจ้าของทีมบาสเกตบอล Dallas Maverick ที่บอกว่า มหาเศรษฐีโลกในวันข้างหน้าจะมาจากธุรกิจเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

ทุกวันนี้บริษัทเทคโนโลยีเจ้าใหญ่ๆของโลกต่างกำลังค้นคว้าศึกษาเรื่องเอไอกันอย่างหนักหน่วง ขณะที่มีความพยายามนำเอไอมาใช้ประโยชน์ทางธุรกิจขึ้นมา จึงเป็นโอกาสของคนที่กุมเทคโนโลยีเอไอและเทคโนโลยีก็จะเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ในหลายสาขา “วันนี้ผมจะไม่เลือกเรียนบัญชี ผมจะขอเลือกเรียนปรัชญาแทน”

แนวคิดเชิดชูวิชาด้านศิลปศาสตร์เพื่อรองรับกับโลกอนาคตนั้น ” คิวบัน” พูดไว้เสมอ และไม่ได้พูดเอาสนุก

เขาย้ำเสมอว่างานอย่างนักวิทยาศาสตร์สายคอมพิวเตอร์จะจำเป็น แต่ที่ขาดไม่ได้คือต้องใช้มุมมองที่แตกต่างเข้ามาวิเคราะห์ จึงต้องมีนักคิดมามีส่วนร่วม ดังนั้นสาขาวิชาอย่างปรัชญา และภาษาต่างประเทศ จะเป็นสาขาวิชาสำคัญของตลาดอาชีพในโลกอนาคต